09:23

ยูริ เลวิตาน - เสียงของสตาลิน‏


ช่วงนี้ ชาวอเมริกันที่ดังที่สุดในสหรัฐเห็นจะไม่มีใครเกินนายเทด วิลเลียมส์ ขอทานเสียงทองที่กำลังขอทานอยู่ดีๆ ก็มีนักข่าวไปพบ และนำเรื่องราวและน้ำเสียงของเขาออกเปิดเผยสู่สาธารณชนทำให้ผู้คนทั่วโลกต้องทึ่งกับน้ำเสียงอันหล่อเหลาน่าฟังของเขา จนร่ำๆว่า ขอทานอดีตโฆษกรายการวิทยุรายนี้ มีโอกาสได้กลายเป็นเศรษฐีในเวลาอันใกล้ก็เป็นได้

ในรัสเซียนั้นมี โฆษกหรือผู้ประกาศทางวิทยุระดับตำนานอยู่คนหนึ่ง แม้น้ำเสียงและลีลาการประกาศของแก แม้จะไม่หล่อเท่ากับนายเทด แต่กลับมีพลังและมีความโดดเด่นมากกว่านายเทดเสียอีก และเสียงของแกนี่เองที่ทำให้ชีวิตของแกต้องโลดโผนโจนทะยานไม่น้อย ถึงขั้นที่ฮิตเลอร์ต้องหมายหัวเอาไว้ และนาซีเยอรมันก็ออกไล่ล่าเขา ผู้ชาย เจ้าของเสียงที่เป็นตำนานแห่งสหภาพโซเวียต และถือเป็นคู่บารมีของโจเซฟ สตาลินจอมเผด็จการแห่งสหภาพโซเวียตรายนี้ มีชื่อว่า ยูริ เลวิตานครับ

ตอนผมไปเรียนหนังสือที่สหภาพโซเวียต เลวิตานตายไปแล้วครับ ตายไปได้ไม่กี่ปี เลวิตานตายไปเมื่อปี1983 แต่ผม และคนโซเวียต ก็ยังคงได้ยินเสียงของเขาอยู่บ่อยครั้งจากหน้าจอโทรทัศน์ เนื่องจากตามทีวีโซเวียตชอบเอาภาพยนตร์สารคดีประวัติศาสตร์ของประเทศออกฉายอยู่บ่อยครั้ง และเลวิตานก็เป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์เหล่านั้น

เพราะเขาไปทำหน้าที่ในการประกาศเหตุการณ์สำคัญๆของประเทศชาติให้ทั้งประเทศได้รับรู้ผ่านทางวิทยุ ไม่ว่าจะเป็นการบุกสหภาพโซเวียตของนาซีเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ,การส่งมนุษย์คนแรกขึ้นสู่อวกาศ หรือแม้กระทั่งการตายของสตาลิน

แต่ที่ได้ฟังบ่อยๆ ก็ดูเหมือนจะเป็นตอนที่แกประกาศเรื่องการบุกโซเวียตของฮิตเลอร์ ซึ่งฟังทีไรก็รู้สึกสะท้านทุกที เสียงแกมีพลังจริงๆ แถมท่วงทำนองที่แกอ่าน ก็ไม่มีใครเหมือน และไม่เหมือนใคร

ครูที่สอนภาษารัสเซีย ยังเคยเล่าให้เราฟังว่า เสียงของเลวิตานมีพลังมาก ฟังดูแล้วดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนตัวใหญ่ หน้าเหี้ยมๆ แต่จริงๆแล้ว รูปร่างของเขาก็ธรรมดาๆ แถมตอนหนุ่มๆ ออกจะดูผอมๆเสียด้วยซ้ำ หน้าตาก็ดูเซื่องๆอีกต่างหาก ประวัติส่วนตัวของแกนั้น ก็ใช่เล่นเลยทีเดียว เพราะพิลึกพิสดารเหมือนกับเสียงของแกนั่นแหละ

เลวิตาน มีชื่อเต็มยศแบบรัสเซียว่ายูริ บาริสซาวิช เลวิตาน ( ถ้าเรียกตามธรรมเนียมแบบ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง ก็ต้องเรียกว่ายูริ บุตรแห่งบาริส ) พ่อเป็นช่างตัดเย็บเสื้อผ้า แม่เป็นแม่บ้าน แกเกิดเมื่อปี 1914 หรือก่อนการปฏิวัติของเลนิน 3 ปี แรกเริ่มเดิมที ก็ไม่ได้อยากเป็นผู้ประกาศทางวิทยุอะไรหรอกครับ เพราะถึงแม้หน้าตาจะไม่หล่อ แต่แกก็อยากเป็นนักแสดงชื่อดัง ได้แจกลายเซ็นแฟนๆ มีภาพตัวเองอยู่บนโปสเตอร์ ซึ่งตามธรรมเนียมของโซเวียตแล้ว นักแสดงก็ไม่จำเป็นต้องหล่อผิดมนุษย์มนาเขาก็ได้

แต่แกก็ไม่ได้เป็นนักแสดงกับเขาหรอกครับ ซึ่งก็ไม่ใช่เพราะว่าแกไม่หล่อ หากแต่เป็นเพราะว่าแกสอบเข้าโรงเรียนการแสดงไม่ได้ต่างหาก





หนุ่มเลวิตานนั้นไม่ใช่คนเมืองหลวงครับ แกมาจากเมืองวลาดิมีร์ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของกรุงมอสโก ซึ่งแม้จะไม่ไกลจากเมืองหลวง คนที่นี่ก็มีสำเนียงเหน่อเป็นของตนเอง

หลังจากที่ทราบผลว่าสอบเข้าโรงเรียนการแสดงในเมืองหลวงไม่ได้ และกำลังเตรียมกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ก็พลันได้ยินว่ามีการประกาศรับสมัครผู้ประกาศทางวิทยุ ก็เลยลองไปสมัครดู ปรากฏว่าหนุ่มเลวิตานอยู่ในประเภทที่เรียกว่า ผ่านครึ่งไม่ผ่านครึ่ง เพราะคณะกรรมการสอบชอบโทนเสียง การอ่านที่ชัดถ้อยชัดคำ และศิลปะในการอ่านของเขา

แต่ที่ทำให้คณะกรรมการรู้สึกเซ็งก็คือเสียงเหน่อของเขา ก็เลยตัดสินใจรับเข้าทำงาน แต่ให้ไปเป็นเด็กเสิร์ฟกาแฟ คอยรับใช้เจ้าหน้าที่รุ่นเดอะ ภายใต้เงื่อนไขว่า หากเขาไปปรับปรุงตัดสำเนียงเสียงเหน่อออกไปได้ จึงจะได้ขยับขึ้นมาผู้ประกาศ

การที่ทางวิทยุรับเขาเข้าทำงาน ก็ถือว่าดีถมถืดอยู่แล้ว หนุ่มเลวิตาน จึงตั้งหน้าตั้งตั้งตาฝึกสำเนียงเสียงชาวเมืองหลวงอย่างขยันขันแข็งทุกคืน แต่ระหว่างนั้น ก็มีการมอบงานผู้ประกาศให้เขาเช่นกัน คือการอ่านบทความในหนังสือพิมพ์ ปราฟด้า หนังสือพิมพ์ของพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียตออกอากาศทางวิทยุในช่วงกลางคืน






ในยุค 30 นั้น การสื่อสารและการขนส่งยังไม่พัฒนา แต่โซเวียตมีอาณาเขตใหญ่โตนักการที่หนังสือพิมพ์จากส่วนกลางจะกระจายไปยังอีกฝั่งหนึ่งของประเทศทำได้ยาก พวกเขาก็เลยแก้ไขโดยการให้มีคนอ่านบทความในหนังสือพิมพ์ผ่านทางวิทยุแบบช้าๆและชัดๆ เพื่อให้พนักงานในอีกฝั่งหนึ่งคอยพิมพ์ตาม ก่อนจะนำไปตีพิมพ์เผยแพร่ภายในพื้นที่

แต่คนมันจะดังซะอย่าง ใครก็หยุดไม่อยู่ เพราะในคืนวันแรกที่เขาจะต้องอ่านบทความทางวิทยุเพื่อส่งข้อมูล ปรากฏว่า สตาลิน ซึ่งเป็นคนนอนดึกเกิดบังเอิญให้มาเปิดวิทยุในคลื่นความถี่ที่เลวิตานกำลังอ่านบทความเพื่อให้ฝ่ายภูมิภาคนำไปตีพิมพ์เพื่อออกจำหน่ายในช่วงเช้าอยู่พอดี

สตาลินชอบเสียงและลีลาการอ่านของเด็กคนนี้มาก จึงโทรศัพท์ถึงผู้อำนวยการวิทยุโซเวียตทันที เพื่อขอให้ไอ้หนุ่มคนนี้เป็นคนอ่านรายงานการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์โซเวียตครั้งที่ 17 ทางวิทยุในวันรุ่งขึ้น

รายงานการประชุมมาถึงตอนเที่ยง และเลวิตานในวัย 19 ปี ก็ใช้เวลาในการอ่านมันนาน 5 ชั่วโมงโดยไม่ผิดสักคำ และในวันนั้น เขาก็กลายเป็นผู้ประกาศวิทยุคนสำคัญที่สุดของประเทศ แต่เจ้าตัวก็ยังคงเดินหน้าฝึกฝน ขัดเกลาความเหน่อของเขาต่อไป

แต่ช่วงที่โดดเด่นที่สุดในชีวิตการใช้เสียงของเขาเห็นจะเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อเยอรมนีบุกโซเวียตในปี 1941

เขาเป็นคนแรกที่ประกาศให้ชาวโซเวียตได้รู้ว่าประเทศของพวกเขาถูกข้าศึกโจมตีและตลอด 4 ปีของสงคราม เขาเป็นคนอ่านข่าวสารจากแนวหน้าให้ประชาชนได้รับรู้

นายทหารโซเวียดหลายคนบอกว่าเสียงของเลวิตาน มีพลังทะลุทะลวงไม่ต่างอะไรจากกองทหารติดอาวุธ ซึ่งเรื่องนี้ก็น่าจะจริง เพราะเสียงของเขาเป็นเสมือนยาปลุกใจให้ทหารกลับลุกขึ้นมาสู้ได้อีกครั้ง ให้ประเทศที่ใกล้จะแพ้ มีแรงลุกขึ้นมาต่อกรกับข้าศึกได้อีกรอบ

ทำให้ฮิตเลอร์ต้องบรรจุชื่อของนักวิทยุรายนี้อยู่ในกลุ่มบุคคลที่เป็นศัตรูกับเยอรมนีอันดับ 1 ขณะที่ สตาลินนั้น ก็ยังติดอยู่แค่อันดับ 2 โดยเลวิตานมีค่าหัวในการสังหาร 250,000 มาร์ค ขณะที่หน่วย SS ของพวกนาซี ก็มีการวางแผนที่จะสังหารคนที่ไม่เคยจับปืนฆ่าใครรายนี้

ในช่วงเริ่มต้นของสงคราม นาซีเกือบจะยึดกรุงมอสโกได้ ทำให้ทางการต้องย้ายวิทยุโซเวียตไปอยู่ลึกเข้าไป พวกเขาย้ายไปอยู่ที่เมือง สเวียร์ดโลฟส์ค ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นเมือง เยกาเตรินบูร์ก ในเขตทางใต้ของเทือกเขาอูราล โดยตัวห้องส่งนั้นอยู่ใต้ดิน จากที่นี่ นอกจากจะประกาศทางวิทยุแล้ว เลวิตานยังลงเสียงในภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับการต่อสู้ของรัสเซีย ก่อนที่มันจะถูกตัดต่อที่นี่ และส่งออกไปให้ทหารที่แนวหน้าและประชาชนได้ดู ซึ่งเอกสารเกี่ยวกับการใช้ชีวิตและทำงานอยู่ที่นี่ของเลวิตาน ก็เพิ่งจะถูกนำออกเผยแพร่หลังจากสงครามสงบแล้วถึง 25 ปี 

แต่ส่วนมาก เสียงประกาศทางวิทยุในช่วงสงครามของเขาไม่ค่อยได้มีการบันทึกเก็บไว้ ทั้งๆที่มันมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อยู่มาก

หลังสงคราม เลวิตานก็ยังทำหน้าที่ประกาศข่าวสารสำคัญของประเทศทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการตายของสตาลิน หรือการที่โซเวียตส่งมนุษย์ขึ้นสู่อวกาศครั้งแรกของโล กรวมแล้ว เขาทำการประกาศทางวิทยุมากกว่า 60,000 ครั้ง

แต่ชีวิตส่วนตัวของเขาไม่แฮ๊ปปี้มากนัก เขาแต่งงานในปี 1938 แต่ 11 ปีต่อมา เมียก็หนีไปอยู่กับชายอื่น และเขาก็ไม่เคยแต่งงานใหม่อีกเลย

และในยุค 70 ผู้ประกาศวิทยุที่ครั้งหนึ่งเคยโด่งดังที่สุดในประเทศ ก็แทบไม่มีงาน ทั้งนี้ก็เพราะแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์มองว่าเสียงที่โดดเด่นของเขา เหมาะกับเรื่องของสงครามมากกว่า ไม่เหมาะที่จะมาทำหน้าที่ประกาศรายงานเกี่ยวกับเรื่องการเกษตร หรืออุตสาหกรรม งานของเขาในช่วงนั้น โดยมากจึงเป็นการลงเสียงภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับประวัติศาสตร์

ยูริ เลวิตาน เสียชีวิตจากภาวะหัวใจวายในปี 1983 ระหว่างการไปร่วมรำลึกวันครบรอบศึกที่เมืองคูร์สค์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นศึกของรถถังครั้งใหญ่ที่สุดของโลก ศพของเขาถูกฝังอยู่ที่สุสานชื่อดังในกรุง มอสโกครับ

เอาเสียงการประกาศการบุกสหภาพโซเวียตของฮิตเลอร์มาให้ฟังกันครับ



0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น