23:06

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก







A picture is worth a thousand words.

............................


22:47

ผู้นำนั้นสำคัญไฉน ?


เอเยนซี - แผ่นสติกเกอร์ธงชาติเล็ก ๆ ติดระบุตำแหน่งบนพื้นเพื่ออำนวยให้ผู้นำแต่ละชาติมายืนประจำจุดตามธงประเทศของตน เพื่อฉายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึกในการประชุมสุดยอดผุ้นำกลุ่มชาติอุตสาหรรมชั้นนำและชาติเศรษฐกิจเกิดใหม่ 20 ประเทศ หรือ จี-20 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองลอสกาบอส ประเทศเม็กซิโกระหว่างวันที่ 18-19 มิ.ย.
       
       ผู้นำชาติต่าง ๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร ต่างพากันยืนเหยียบธงชาติของตน แต่.. ประธานาธิบดีหู จิ่นเทาของจีนไม่ทำเช่นนั้น


หลังจากถ่ายรูปหมู่แล้ว หู จิ่นเทาก้มลงไปเก็บรูปธงชาติจีนขึ้นมา ด้านข้างมีเพียงประธานาธิบดีบารัก โอบามา และแองเกล่า มาร์เกล นายกหญิงของเยอรมนีเท่านั้นที่สังเกตเห็นพฤติกรรมของหู

หลังจากกระแสผู้นำจีนก้มเก็บธงชาติได้ถูกตั้งเป็นกระทู้ในไมโครบล็อกจีน ช่วงเวลาสั้น ๆ มีผู้ส่งต่อถึง 150,000 คน ระบุว่า หูเป็นผู้นำคนเดียวในจี 20 ที่คำนึงถึงความสำคัญของสัญลักษณ์ของชาติ


กระแสชื่นชมยินดีถูกตีแผ่ ชาวเน็ตหลายคนแสดงความเห็นภูมิใจกับการกระทำของผู้นำ ขณะที่ความเห็นที่มองว่าเป็นเรื่องบังเอิญถูกลบทิ้งอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามสำนักข่าวรอยเตอร์ได้ลงข่าวภาพชุดหู จิ่นเทาแกะธงชาติจากรองเท้า โดยระบุว่าสติกเกอร์ธงชาติไปหลุดติดกับรองเท้าท่านผู้นำฯ



ที่มา : ผู้จัีดการออนไลน์ 


21:49

สหายแห่งหังโจ


สหายแห่งหังโจ


พวกมันไม่ได้เกิดวันเดียวปีเดียวกัน...แต่ยอมรับนับถือมั่นเป็นสหาย
หากผู้หนึ่งมีภัย...อีกคนจะไม่ลังเลใจกระโดดเข้าร่วมป้องภัยในทันที
มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน...คำคำนี้สามารถใช้กับพวกมันได้อย่างเต็มภาคภูมิ
หนึ่งตัวเล็กไหวพริบปฎิภาณเฉียบแหลม...หนึ่งตัวใหญ่เข้มแข็งดุจม้าป่าอาชาไนย
เนิ่นนานวัน...ใจยิ่งประสานใจกลับรักใคร่ดั่งพี่น้องคลานตามกันมา

พวกมันร่วมสาบานจะไม่ทอดทิ้งกันตลอดกาล
ในโลกนี้จะมีเพื่อนกี่คนกันเชียว...ที่เราสามารถฝากเป็นฝากตายกับมันได้
บ้านเมืองไม่สงบมีการรบทำศึกสงคราม...ทั้งคู่ขันอาสาออกไปสู้ที่แนวหน้า
ยอมพลีกายถวายชีพเพื่อชาติ...ไม่คิดหลงเหลือชีวิตกลับสู่บ้าน
พวกมันมอบคำสัตย์ปฎิญาณด้วยใจ...มิใช่แค่วาจา
ศึกเหนือจรดใต้ทุ่มเทใจกายมิเคยได้ประหวั่นพรั่นพรึง
ตกอยู่ในวงล้อมของศรัตรู...มิต้องเหลียวหลังกลับไปดูสหายยังคงยืนอยู่เคียงข้าง
ร่องรอยแผลเป็นเต็มตามเนื้อตัวหน้าตา...มิได้ลดทอนความกล้าอาจหาญ
คนตัวใหญ่สูญเสียดวงตาข้างขวา...ตัวเล็กถูกดาบคร่าสองมือเหลือมาแค่แปดนิ้ว

 

สวรรค์มีตาฟ้ายังมีใจ...ทั้งคู่ได้รับการแต่งตั้ง
เป็นแม่ทัพใหญ่ปราบหนตะวันออก
ร่วมเรียงเคียงไหล่...
ปราบอริราชศรัตรูปราชัยทั่วสิบทิศ
ชื่อเสียงขจรกระจาย...
แม่ทัพคู่ผู้เกรียงไกรหนึ่งใหญ่หนึ่งเล็ก
รวบรวมบ้านเมืองเป็นปึกแผ่นมั่นคง...
ดำรงความสงบคืนมาอีกครา
บำเหน็จความกล้า...
ตัวใหญ่ได้เป็นเสนากลาโหมควบคุมทุกเหล่าทัพ
ส่วนตัวเล็กเป็นเสนาบดียุติธรรม
ดูแลอำนาจตุลาการ

บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข...ในปีที่ห้าที่ประชุม
เสนามีความคิดปฎิรูปการปกครอง
จัดให้มีการเลือกตั้งประจำเขต
เข้าไปนั่งเป็นสภาเมือง
ทำหน้าที่ออกกฎหมายกลั่นกรอง
เรื่องสำคัญในการบริหารประเทศ
แต่ความคิดเห็นได้แตกแยกเป็นสองฝ่าย
...ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ฝ่ายกองทัพกริ่งเกรงความล่าช้า
..กว่าประชุมสภาเพื่ออนุมัติ
ศัตรูคงล่วงล้ำแนวเขตความมั่นคง
ของประเทศอาจคลอนแคลน

แรกๆต่างโต้เถียงด้วยเหตุผล...
ต่อมาเริ่มปะปนเรื่องศักดิ์ศรี


บรรยากาศทวีความรุนแรงคุกรุ่น...ข้ามหลักการของเหตุผลจนกลายเป็นอัตตา
กิเลสตัวตนผู้เป็นราชันแห่งความชั่วช้า...เห็นช่องสบโอกาส
ขยายความร้าวรานบานปลาย...
บ้านเมืองระส่ำระสายไร้ความสามัคคีหวนนึกถึงเบี้องแรก...
ล้วนมีจุดมุ่งหมายเพื่อปฎิรูปบ้านเมืองโดยแท้
เจ้าอัตตาจุดไม้ขีดก้านเดียวขึ้นในใจ...ตอนนี้ไฟกำลังลามเผาเมือง
ไม้ขีดไฟอัตตา...ไม้ขีดไฟก้านเล็กที่มองไม่เห็น

บ้านเมืองแตกแยกวุ่นวายมากขึ้นทุกขณะ
เสนาบดียุติธรรมซึ่งวางตัวเป็นกลางในเรื่องนี้...กังวลใจเป็นอย่างยิ่ง
ครุ่นคิดหาทางออกด้วยสันติวิธี...แต่มันกลับขบคิดไม่ออก
หลายวันผ่านไปมันได้ส่งเทียบเชิญเสนากลาโหมสหายมาร่ำสุราที่บ้าน
แม่ทัพนายกองต่างทักท้วง...สถานการณ์ล่อแหลมไม่สมควรไปเพียงลำพัง
เพ้ย...มันกับข้าร่วมเป็นร่วมตายกันมานับครั้งไม่ถ้วน
หากไว้ใจสหายผู้นี้ไม่ได้...ในโลกหามีผู้ใดคู่ควรแก่การไว้ใจได้อีกแล้ว
บรรยากาศในวงสุราครื้นเครงยิ่งนัก...ความหลังครั้งเก่าได้ถูกรำลึกนึกถึงอีกครา
ไม่เมาไม่เลิกรา...ร่ำสุรากับสหายที่รู้ใจนับว่ากล่าวได้ไม่คลาดคลื่อนความจริง
ตื่นเช้าขึ้นมา...สุราทำให้เสนากลาโหมปวดศรีษะแล้วจริงๆ
แต่ใจของมันกลับปวดร้าวรุนแรงยิ่งกว่า...เมื่อพานพบว่าตัวเองอยู่ในคุก
ลำคอตีบตัน...น้ำตาพลันหลั่งไหลเมื่อนึกถึงใบหน้าสหายร่วมสาบาน


สหายที่มันรักยิ่งกว่าชีวิตของมันเอง...
กลับทำกับมันได้ถึงเพียงนี้
สหายต้องการชีวิตของเราแค่กล่าวออกมาคำเดียว
...เพียงคำเดียวเท่านั้น
ความรู้สึกตอนนี้ปวดร้าวรันทดหรือคลั่งแค้น
นับว่าไม่สามารถแยกแยะออกได้จริงๆ
ชั่วชีวิตของมันปราดเปรียวดังม้าพยศ...
แต่ตอนนี้กลับหมดอาลัยตายอยาก
แขนขาไร้เรี่ยวแรงได้แต่นอนส่ายศรีษะไม่เข้าใจ
...น้ำตาหลั่งไหลไม่ยอมหยุด
มันไม่ได้กลัว เนื่องเพราะมันไม่เคยกลัว
......เพียงมันไม่เข้าใจ !!!
โทษทัณฑ์เป็นกบฏต่อแผ่นดิน...
มีอาญาต้องประหารในวันพรุ่ง
เที่ยงคืนแล้วมิอาจข่มตาหลับใหล...
พลันมีทหารกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา



จับมันมัดมือผูกตาแล้วนำพาไปยังสถานที่หนึ่ง
เมื่อถึงที่หมายก็ปลดเปลื้องพันธนาการ...แสดงความเคารพอย่างสูงแล้วจากไป
มันพินิจสถานที่นี้รู้สึกคุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง...กลับเป็นหน้าผาแห่งหนึ่ง
ที่แท้เป็นสถานที่เดียวกันที่มันกรีดเลือดร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับตัวเล็ก
ในความมืดกลับมีเงาคนผู้หนึ่งนั่งคุกเข่าอยู่ก่อนแล้ว...เสนาบดียุติธรรม
มันประคองดาบขึ้นเหนือศรีษะ...สองมือน้อมส่งมายังเสนากลาโหม
เราผิดต่อท่านแล้ว...ชีวิตท่านขอชดใช้ด้วยชีวิตเรา
ตัวใหญ่กระชากดาบเงื้อง่า...ร่างกายสั่นสะท้านขึ้นอีกคราไม่อาจควบคุม
มันขว้างดาบลงหน้าผา...น้ำตาหลั่งไหลเป็นสายเลือด
เบือนหน้าไปทางอื่นขบกรามพูดว่า...เราฆ่าท่านไม่ได้หรอกน้องรัก
เพราะท่านเป็นสหายเรา...เมื่อเป็นสหายแล้ว...ย่อมเป็นชั่วชีวิต
สหายไหนเลยฆ่าสหายได้...น้ำเสียงมันรันทดหดหู่บาดลึกลงไปในจิตใจ
ตัวเล็กถึงกับกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง
น้ำตาชายชาตรีทะลักปานทำนบแตก...หยาดหยดลงมาไม่ขาดสายเช่นกัน
ทันใดนั้นตัวเล็กใช้มีดพกประจำตัว...มันกลับใช้เชือดคอตนเอง
เสนากลาโหมถลันปราดเข้าประคองเพื่อนรัก...ท่านทำเช่นนี้เพื่ออะไร
ตัวเล็กใช้นิ้วชี้เปื้อนเลือดขีดเขียนข้อความหนึ่งลงบนแขนเสื้อก่อนสิ้นใจ
เพื่อแผ่นดิน !!!

อาญาแผ่นดินเมื่อตัดสินแล้วไม่อาจเปลื่ยนแปลง
เสนากลาโหมเดินเข้าสู่หลักประหารอย่างองอาจสง่าผ่าเผย
มุมปากกลับปรากฏรอยยิ้มเยือกเย็นสงบ...มือขวากำเศษผ้าแขนเสื้อไว้แนบแน่น
การดำรงคงอยู่อย่างยิ่งใหญ่นับว่ายากลำบากมากแล้ว
การตายให้ยิ่งใหญ่...นับว่ายากลำบากมากกว่าหลายเท่านัก
เรื่องราวเหล่านี้แพร่สะพัดไปทั่วหังโจอย่างรวดเร็ว
การตายของสองวีรบุรุษยิ่งใหญ่...นับว่าได้เรียกสติสามัคคีของผู้คนทั่วแผ่นดิน
ทิฎฐิมานะอัตตาความแตกแยก...ถูกล้างด้วยเลือดของสหายคู่หนึ่ง
สหายผู้รับใช้แผ่นดิน...ตราบลมหายใจสุดท้าย
ความสงบสุข สันติ มั่งคงของบ้านเมือง...บางทีกว่าจะได้มา
ต้องให้เลือดหลั่งนองไหลทาปฐพี...ผู้คนจึงจะมีสติทบทวน
ทำใมต้องเป็นเช่นนี้หนอ...............
ฤามันเป็นเช่นนั้นเอง !!!
หากท่านผ่านไปทางเมืองหังโจ...ท่านจะมองเห็นอนุสาวรีย์สองสหายเล็กใหญ่
ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าประตูเมือง...คอยปกปักรักษาหังโจตราบชั่วกาลนาน

ปุถุชน

16:35

บทความ : คนไทย 8 สายพันธุ์



เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ดร.ธีรยุทธ บุญมี ไปปาฐกถาเรื่อง "อนาคตการเมืองไทย และนโยบายของรัฐบาลทักษิณ 2" ความตอนหนึ่งท่านวิเคราะห์ โครงสร้างชนชั้นทางสังคมไทย โดยระบุว่า

ขณะนี้ได้เปลี่ยนจากเดิมที่แบ่งเป็นรวย-จน นายทุน-กรรมกร มาเป็น มี-ไม่มี หรือ มี-มีน้อย ซึ่งชนชั้นกลางจะพอใจกับความเติบโตเศรษฐกิจ คนจนจะพอใจในภาวะที่มีน้อย ความขัดแย้งทางชนชั้นในสังคมแบบจน-รวยลดลง… สังคมไทยยังไม่สนใจอุดมการณ์การเมือง และประชาชนส่วนใหญ่สนใจแค่ขอให้ปากท้องอิ่ม ดังนั้นเมื่อไทยรักไทยประกาศนโยบายหลัก คือทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ดี กินดี ท้องอิ่ม จึงอาจทำให้พรรคไทยรักไทยอยู่ยาว…

บทวิเคราะห์นี้ทำให้ผมนึกถึงคำกล่าวของอาจารย์หมอประเวศ วะสี ที่ท่านเคยกล่าวไว้ว่า "งานด้านการตลาด จะใช้การวิจัยทุกขั้นตอน อำนาจจึงมากเหลือเกิน การตลาดไม่มีอะไรทานได้เลย เพราะว่าใช้การวิจัยทุกขั้นตอน แต่อย่างอื่นเราไม่ใช้ เรื่องของการศึกษา การสาธารณสุข เรื่องต่างๆ เราไม่ใช้การวิจัย การวิจัยที่ใช้จะใช้มากอยู่สองภาค คือ ภาคธุรกิจกับภาคการสงคราม"

กรณีตัวอย่างของเรื่องนี้คือ งานวิจัยชุด Faces of Thailand จัดทำโดย บริษัท โลว์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งได้มีการบรรยายสื่อมวลชนไปเมื่อสัปดาห์ก่อนและผมก็ได้มีโอกาสไปนั่งฟังด้วย ในขณะที่ “กรุงเทพธุรกิจ” ก็ได้นำเสนอเป็นข่าวหน้าหนึ่งฉบับวันศุกร์ที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา

Faces of Thailand ไม่ใช่การวิเคราะห์ชนชั้น หรือแบ่งคนเป็น เอ บี ซี ดี แต่ใช้เงื่อนไขทางจิตวิทยา และนำด้านที่ละเอียดอ่อนของความเป็นมนุษย์เพื่อหาแก่นแท้ ซึ่งในแต่ละประเทศจะมีความแตกต่างกัน อย่างเช่นที่เมืองจีน ทางโลว์ก็ได้แบ่งประเภทของคนออกเป็น 9 กลุ่มคือ 1.Emperors 2. Bourgeoisie 3. Spectators 4. Hopefuls 5. Bright Collar 6. Strugglers 7. Achievers 8. Urban Poor และ 9. Missed Out

พอมาสำรวจเมืองไทย ก่อนจะไปถึงการแบ่งประเภท มีผลสำรวจว่า ทุกวันนี้คนไทยไม่ว่าจะยากดีมีจน รู้สึก "รันทด" คือรู้สึกทำนองว่า "ทุกวันนี้ฉันต้องฝ่าฟันและเผชิญกับสิ่งต่างๆ มากมายเพื่อรักษาสภาพชีวิตอย่างที่เป็นอยู่" หรือไม่ก็ "การใช้ชีวิตทุกวันนี้มีความเครียดและแรงกดดันมาก" ผลวิจัยส่วนนี้ผมคิดว่าต่างจากบทสรุปของ ดร.ธีรยุทธ ที่บอกว่า ชนชั้นกลางจะพอใจกับความเติบโตเศรษฐกิจ คนจนจะพอใจในภาวะที่มีน้อย

แต่ทำไม "ภาวะอันรันทด" นี้ทำให้คนแห่ไปเลือกพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล เพื่อให้เป็นรัฐบาลอีก เทียบกับเมื่อ 4 ปีก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลคนก็รันทดเหมือนกัน แล้วแห่ไปเลือกพรรคไทยรักไทย (นี่ผมว่าเองนะครับ ไม่ใช่ โลว์เขาว่า)

ดร.อธิชาติ สุนทรส กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์และงานวิจัยภาคพื้นเอเชีย อาคเนย์ บริษัท โลว์ (ประเทศไทย) จำกัด อธิบายว่า ถึงแม้วันนี้คนไทยจะรันทด แต่เขากลับมองโลกในแง่ดีและมีความเชื่อมั่นโดย

จำนวน 80.29% เชื่อว่า คุณภาพชีวิตของครอบครัวจะต้องดีขึ้นภายในอีก 2 ปีข้างหน้า

จำนวน 76.14% เชื่อว่า วันหนึ่งฉันจะเป็นคนรวย

จำนวน 74.43% เชื่อว่า อุปสรรคที่ประสบอยู่จะผ่านไปในเร็วๆ นี้

จำนวน 63.14% เชื่อว่า วันหนึ่งจะถูกลอตเตอรี่รางวัลใหญ่

"ลักษณะมองโลกในแง่ดีมีสูงมาก แม้จะรู้สึกว่า ตัวเองรันทด คำพูดติดปากของคนที่เราไปทำวิจัยคือ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นมาเองล่ะ มันก็เป็นอย่างนี้ทุกที สัดส่วนของคนที่คิดอย่างนี้เมืองไทยมีมากกว่าคนจีน" ดร.อธิชาติ กล่าวตอนหนึ่ง

แล้วโลว์สรุปว่า เมืองไทยมีผู้บริโภคกี่ประเภท คำตอบคือ 8 ประเภทซึ่ง "กรุงเทพธุรกิจ" ก็รายงานไปแล้วผมเลยขอฉายซ้ำดังนี้

1.บุกเดี่ยว (Self-Maker) 13.17%

2.ตั้งใจ (Eager Rookie) 19.27%

3.รักบ้าน (Optimistic Warm Family) 16.41%

4.สร้างตัว (Better Life Seeker) 13.07%

5.เติมเต็ม (Fancy Free Empty)7.3%

6.เติมฝัน (Fancy Free Teen)7.4%

7.โดดเดี่ยว (Contented Loner) 6.77%

และ 8.บุญทิ้ง(Helpess Needy) 16.6%


การบรรยายต่อสื่อมวลชนในวันนั้น ให้รายละเอียดในคนสองกลุ่มที่น่าสนใจคือ พวกบุกเดี่ยว (Self-Maker) และพวกโดดเดี่ยว (Contented Loner) ที่ยกสองพวกนี้มาเพราะมีฐานะปานกลางเหมือนกัน อายุอยู่ระหว่าง 35 -50 ปีเหมือนกัน แต่ทัศนคติและการดำเนินชีวิตต่างกัน

พวกบุกเดี่ยวมีทัศนคติแบบว่า "ผมกำหนดชีวิตของผมเองและจะทำให้ดีด้วยสองมือของผม" เป็นเจ้าของกิจการที่มีประสบการณ์ เรียนรู้วิธีการทำธุรกิจด้วยตนเองถึงแม้จะมีการศึกษาค่อนข้างน้อย มองโลกในแง่ดี มีความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จสูง และเป็นผู้ที่เริ่มจะมีฐานะ และพร้อมที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ทั้งทางด้านเทคโนโลยีและแฟชั่น

แล้วพวกโดดเดี่ยว (Contented Loner) เป็นอย่างไร พวกนี้เป็นเจ้าของกิจการเล็กๆ ที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย มีฐานะปานกลางกึ่งล่าง ไม่ค่อยมีแรงดลใจใดๆ มีกิจกรรมในชีวิตน้อย เป็นคนที่ตามสังคม แต่ไม่ชอบเข้าสังคมขาดความมั่นใจ

คนทั้งสองกลุ่มนี้แท้ที่จริงก็คือ ผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งบางคนที่เป็นพวกโดดเดี่ยว (Contented Loner) ครั้งหนึ่งเขาอาจจะเป็นพวกบุกเดี่ยว (Self-Maker) มาก่อนก็ได้

พวกตั้งใจ (Eager Rookie) เป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สุดในประเทศคือ 19.27% แต่ในกรุงเทพฯ พวกนี้มีสูงถึง 35.1% พวกนี้ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตที่ยิ่งใหญ่ รวดเร็ว ส่วนพวกที่ดูจะคล้ายกันคือพวกสร้างตัว(Better Life Seeker) แต่พวกนี้ต้องการมีชีวิต หรือหน้าที่การงานที่ก้าวหน้าขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งในต่างจังหวัดจะมีสัดส่วนที่สูงกว่าในกรุงเทพฯ

อีกพวกที่เป็นกลุ่มใหญ่ของประเทศคือ พวกบุญทิ้ง(Helpess Needy) ทั้งประเทศมี 16.6% แต่ในกรุงเทพฯ มีถึง 26.3% พวกนี้มีฐานะที่จนที่สุดไร้โอกาส หวังได้แค่บนบานศาลกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ก็แสดงว่าโครงสร้างทางสังคมจิตวิทยาคนกรุง ถ้าไม่ใช่มีความหวังในชีวิตแบบสุดๆ ก็หมดหวังกับชีวิตไปแล้ว


ที่มา : วิถีทุน : จุมพฏ สายหยุด กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 24 มีนาคม 2548

13:10

อ่านข้อเสนอฉบับเต็มของนิติราษฎร์ เพื่อเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่นี่ พร้อมอรรถาธิบายจากวรเจตน์ ภาคีรัตน์ แก้ทำไมและอย่างไร







15 มกราคม 2555
คลิปการนำเสนอของ อ. วรเจตน์​ ภาคีรัตน์




อ่านข้อเสนอฉบับเต็มของนิติราษฎร์ เพื่อเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่นี่ พร้อมอรรถาธิบายจากวรเจตน์ ภาคีรัตน์ แก้ทำไมและอย่างไร โดยประชาไท

ที่มา ประชาไท
ขอบคุณภาพ uddthailand
วันที่ 15 ม.ค. 2555 ที่ห้องประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ วรเจตน์ ภาคีรัตน์ นักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์อธิบายโดยละเอียดถึงหลักการและเหตุผลในการแก้ไข ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยเขากล่าวว่าจริงๆ เราไม่จำเป็นต้องมาอยู่กันตรงนี้ ถ้าสภาฯ รับที่จะแก้ไขมาตราดังกล่าว เป้าหมายเบื้องต้นคือนำร่างฯ ฉบับนี้ไปถึงมือของประธานรัฐสภา และให้สภาฯ พิจารณาไปตามลำดับ เราไม่มีอำนาจแก้ไขกฎหมายเอง ที่ทำได้คือการรวบรวมรายชื่อ ระยะเวลาที่เราจะใช้เบื้องต้นคือ 112 วัน

ผลแห่งผลไม้พิษรัฐประหาร 2519
“จากนี้เราจะต้องประสบพบเจอบุคคลที่ไม่เห็นด้วย พรรคการเมืองหลายพรรคการมืองก็แสดงเจตจำนงชัดเจนแล้วว่าจะไม่แก้ไขมาตรา 112” ตัวแทนนักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์กล่าวและเท้าความถึงกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ปี 2519 มีการล้อมปราบนักศึกษา ท้องสนามหลวง เป็นสถานที่ประหัตประหารนักศึกษา ในเวลานั้น นักศึกษาของหลายมหาวิทยาลัยถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ วิทยุยานเกราะที่เป็นกระบอกเสียงภาครัฐได้ปลุกระดมให้ประชาชนเกลียดชังนัก ศึษาและนำไปสู่ความรุนแรง สุดครั้งหนึ่งของประวัติศาสตร์สมัยใหม่
ผลพวงครั้งนั้นเกิดการรัฐประหาร และมีการออกกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมป.อาญา 112 การแก้ไขในคราวนั้นเป็นการแก้ไขกำหนดอัตราโทษขั้นต่ำ 3 ปี ถึง 15 ปี หลังจากนั้นก็มีการเอากฎหมายฉบับนี้ไปใช้ เช่น คุณวีระ มุสิกพงศ์ หรือบุคคลที่ไม่ยืนขณะเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมี และการใช้กฎหมายนี้รุนแรงมากขึ้น หลังการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 และปรากฏสถิติสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ
ผมในฐานะนักเรียนเก่าเยอรมัน นึกไปถึงช่วงที่เยอรมนีปกครองโดยจักรพรรดิ ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 และมีการฟ้องร้องด้วยข้อหาหมิ่นฯ จำนวนมาก หลังสงครามสงบลง ก็มีการยกเลิกกฎหมายมาตราดังกล่าวด้วย
ปัจจุบันเยอรมนีมีความผิดฐานหมิ่นประมาทประธานาธิบดีเช่นกัน ซึ่งต่างจากคนทั่วไป แต่ในการขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีจะมีเอกสารให้ประธานาธิบดีลงนามสละสิทธิ การใช้มาตราดังกล่าว หลายคนรู้ว่ากฎหมายแบบนี้ยิ่งใช้มากเท่าไหร่ยิ่งเป็นอันตราต่อสถาบันที่ กฎหมายต้องการคุ้มครองมากเท่านั้น
สำหรับกฎหมายหมิ่นประมาทกษัตริย์ พระราชินีและรัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ไม่ได้มีปัญหาแค่โทษเกินกว่าเหตุ หรือเปิดโอกาสให้บุคคลใดๆ ก็สามารถฟ้องร้องได้ แต่ปัญหาลึกกว่านั้น เพราะในการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ คือ เมื่อเกิดการร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษนั้น ในทางสังคมก็จะถูกรังเกียจ และอาจจะถูกตัดสินจากสังคมไปแล้ว ในการดำเนินคดีบ่อยครั้งบุคคลเหล่านี้ไม่ได้รับการประกันตัว มีกรณีเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยศาลมักให้เหตุผลว่า บทบัญญัติในมาตรานี้กำหนดโทษไว้สูง และการกระทำดังกล่าวกระทบกระเทือนจิตใจพสกนิกรประชาชนชาวไทยเพราะเป็นการ หมิ่นเบื้องสูง
สำหรับกระบวนการเข้าสู่การพิจารณาของศาล เขาจะสู้ว่าเขากระทำไม่ครบองค์ประกอบความผิด ไม่ใช่การดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย
ครั้นถึงกระบวนการพิจารณาคดีของศาล หากเขาจะต่อสู้ว่าการกระทำของเขาเป็นการพูดวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต เพื่อให้ต่อสู้ในคดี ศาลก็จะไม่ยอมให้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง รวมทั้งการพิสูจน์ว่าแม้ที่กล่าวไปจะหมิ่นประมาทแต่ก็เป็นความจริง เป็นประโยชน์สาธารณะ แต่เขาก็ไม่มีสิทธิในการขอพิสูจน์ความจริงนี้ในชั้นศาล เพราะบทบัญญัติดังกล่าวไม่มีเหตุยกเว้นความผิดและยกเว้นโทษ ซึ่งต่างจากบุคคลธรรมดา ซึ่งระบบกฎหมายจะเปิดโอกาสให้ผู้กระทำการหมิ่นประมาทได้กล่าวไปด้วยความ สุจริต หรือข้อความที่กล่าวนั้นเป็นความจริงและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
ไม่ใช่แค่ปัญหาตัวบทและการใช้ แต่คือปัญหาระดับอุดมการณ์ปัญหาลำดับถัดไปคือ ปัญหาระดับอุดมการณ์ หลายคนยังเรียกว่าเป็นความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งเป็นความผิดที่ไม่มีอยู่แล้ว นับแต่ประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช มาสู่ระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่ในทางปฏิบัติ ถ้าเปิดดูคำอธิบายกฎหมายอาญาที่บรรดานักวิชาการเขียนอธิบายคือ ความผิดตามมาตรา 112 จะไม่เปิดโอกาสให้โต้แย้งว่าการพูดวิพากษ์วิจารณ์นั้นเป็นไปโดยสุจริตเพราะ สถาบันกษัตริย์อยู่เหนือคำวิพากษ์วิจารณ์
คำอธิบายเหล่านี้ฝังอยู่ในสำนึกของนักกฎหมาย ซึ่งในประมวลกฎหมายอาญาไม่ได้บัญญัติเรื่องนี้เลย บรรดาองค์กรที่ปฏิบัติการตามกฎหมาย ตั้งแต่ตำรวจ อัยการ ไปถึงผู้พิพากษามีแนวโน้มในการตีความบทบัญญัติดังกล่าวไปในลักษณ์ที่กว้าง และไม่สอดคล้องกับอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่พระมหากษัตริย์เป็นประมุขภายใต้ รัฐธรรมนูญ มีแนวโน้มที่จะตีความไม่สอดคล้องกับระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช นี่คืออุดมการณ์ที่กำกับบรรดาองค์การที่ปฏิบัติตามกฎหมาย
“ทุกท่านที่มาร่วมรณรงค์แก้ไขมาตรานี้ สมมติว่ามีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นว่าสภาผู้แทนฯ และวุฒิสภา รับไปพิจารณาและจะไปแก้ไข ท่านก็อย่าดีใจว่าปัญหาของการใช้กฎหมายนี้จะได้รับการแก้ไข หรือแม้แต่การยกเลิกไปเลย ท่านก็อย่านึกไปว่าการปรับใช้กฎหมายจะปรับใช้ไปอย่างเท่าเทียมกันระหว่างการ หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์กับบุคคลธรรมดา ตราบเท่าที่อุดมการณ์ระบอบประชาธิปไตยยังไม่ได้ฝังลงไปในกระบวนการตาม กฎหมาย”
นี่จึงเป็นเพียงก้าวแรกที่จะไปปรับเปลี่ยน หลังจากรณรงค์เรื่องนี้แล้ว บรรดากฎเกณฑ์ทั้งหลายทั้งปวงที่เกี่ยวพันกับสถาบันกษัตริย์ในรัฐธรรมนูญยัง จะต้องมีการอภิปรายต่อไปอย่างกว้างขวางในสังคมไทย การนำเสนอกฎหมายนี้จึงเป็นเพียงก้าวแรกในการพูดถึงการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ในสังคมไทย ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่จบอยู่ที่การนำเสนอเรื่องต่อประธานรัฐสภาแล้วจบแค่ นั้น แต่เป็นการพูดถึงการที่ระบอบกษัตริย์อยู่อย่างสง่างามในระบอบประชาธิปไตยและ ในเวทีระหว่างประเทศ
สำหรับมาตรา 112 เราถูกปิดล้อมโดยสื่อมวลชนกระแสหลัก ว่าจะถูกป้ายสีว่าเป็นการกระทำที่ไม่หวังดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมเรียนว่าที่สุดแล้วเรื่องแบบนี้ต้องการการอธิบาย การเสนอแก้ไขกฎหมายมาตรานี้ยังอยู่ในกรอบของรัฐที่เป็นราชอาณาจักร คือมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพียงแต่เป็นการนำประเด็นนี้เข้าสู่พื้นที่สาธารณะ และทำให้เกิดการอภิปรายอย่างกว้างขวางและตรงไปตรงมา และไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นความผิดตามาตรา 112 เสียเอง
ในการเสนอแก้ไขนี้ เสนออะไร และทำไมไม่เสนอยกเลิกไปเลย
วรเจตน์อธิบายว่า เหตุผลที่นิติราษฎร์เสนอในแนวทางแก้ไข ไม่ยกเลิก เพราะเป้าประสงค์หลักอยู่ที่การพยายามทำให้บทบัญญัติในเรื่องนี้ได้มาตรฐาน สากล คือในบรรดาประเทศที่เป็นราชอาณาจักร พบว่าประเทศเหล่านั้นแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือกลุ่มแรกไม่มีกฎหมายคุ้มครองพระเกียรติของกษัตริย์ ราชินี และรัชทายาทเป็นพิเศษ เช่น ญี่ปุ่น ซึ่งเคยมีกฎหมายลักษณะดังกล่าว แต่ยกเลิกไปหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ขณะเดียวกันมีอีกหลายประเทศในยุโรป เช่น นอร์เวย์ สเปน มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษ บางประเทศจำกัดไว้เฉพาะพระมหากษัตริย์ และผู้สำเร็จราชการ บางประเทศครอบคลุมถึงบรรดาพระราชโอรส แต่ประเทศเหล่านี้ไม่มีประเทศใดเลยที่กำหนดโทษเอาไว้สูงเท่าที่มีใน ประเทศไทย
เมื่อผลการศึกษาออกมาเป็นเช่นนี้ คณะนิติราษฎร์จึงเสนอยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพื่อทำให้บทบัญญัติมาตรานี้ไม่เป็นบทบัญญัติในหมวดความมั่นคงอีกต่อไป และเพื่ออนุวัตรให้เป็นไปตามบทกฎหมายในประเทศที่มีบทบัญญัติลักษณะนี้ เราจึงเสนอหมวดใหม่ เพื่อค้มครองกษัตริย์ รัชทายาทและผู้แทนพระองค์
หลัก 2 ประการ ในการกำหนดโทษและความผิด
หนึ่ง ต้องสอดคล้องกับอุดมการณ์ประชาธิปไตยและได้มาตรฐานสากล
สอง ต้องอ้างอิงจากฐานความผิดที่บุคคลธรรมดากระทำต่อกัน คือเราจะไม่บัญญัติหลุดลอยไปจากกรณีที่บุคคลธรรมดากระทำต่อกัน โดยมุ่งคุ้มครองตัวบุคคล เมื่อเป็นเช่นนี้ ในการจัดทำกฎหมาย ในหมวดที่ทำขึ้นใหม่จึงเสนอให้มีการแยกตำแหน่งพระมหากษัตริย์ ออกจากการคุ้มครองตำแหน่งพระราชินี รัชทายาทและผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ นั่นหมายความว่า 4 ตำแหน่งนี้จะไม่อยู่ในกฎหมายมาตราเดียวกันอีกต่อไป
ในส่วนที่เกี่ยวกับตำแหน่งพระมหากษัตริย์ เราเสนอให้แยกความผิดฐานหมิ่นประมาท ออกจากความผิดฐานดูหมิ่นและแสดงความอาฆาตมาดร้าย
ในแง่ของโทษที่กำหนดขึ้นใหม่ กำหนดทุกฐานความผิดไม่มีอัตราโทษขั้นต่ำ หมายความว่า ในการกระทำความผิดทุกฐานความผิด ศาลจะลงโทษน้อยเพียงใดก็ได้ ไม่สามารถอ้างต่อไปว่าลงโทษขั้นต่ำ 3 ปี บางกรณี 5 ปี ถ้าผิด 4 กระทงก็คูณเข้าไป เป็น 12 ปี หรือ 20 ปี
และกำหนดโทษขั้นสูงสุดเอาไว้เรากำหนดเฉพาะตำแหน่งพระมหากษัตริย์ แตกต่างจากบุคคลธรรมดาเล็กน้อย คือบุคคลธรรมดา 1 ปี โทษสำหรับการหมิ่นประมาทกษัตริย์ 2 ปี ส่วนพระราชินี รัชทายาท กำหนดไว้เท่ากับบุคคลธรรมดา
การกำหนดเหตุยกเว้นความผิด
แม้กระทำครองค์ประกอบความผิดฐานหมิ่นประมาทกษัตริย์ ราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการ ผู้ถูกกล่าวหาสามารถพิสูจน์ได้ว่าได้วิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตเพื่อประโยชน์ ทางวิชาการ ประโยชน์สาธารณะ หรือเพื่อประโยชน์แห่งรัฐธรรมนูญ และข้อความนั้นเป็นความจริง บุคคลนั้นไม่ต้องรับผิด แต่หากเป็นเรื่องความเป็นอยู่ส่วนพระองค์และความเป็นอยู่ส่วนตัวแล้วแต่กรณี ไม่เป็นเหตุยกเว้นความผิด
เสนอสำนักราชเลขาธิการผู้มีอำนาจกล่าวโทษ 
ปัญหาปัจจุบันคือ บุคคลใดก็สามารถกล่าวโทษได้เพราะมาตราดังกล่าวบัญญัติไว้ในหมวดความมั่นคง เป็นอาญาแผ่นดิน
วรเจตน์เล่ากรณีที่เกิดขึ้นใน อบต. แห่งหนึ่ง ซึ่งมีการแข่งขันกันในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ขณะที่มีการเทิดพระเกียรติ บ้านของคู่กรณีไม่ได้ประดับธงสัญลักษณ์ มีการส่งจดหมายมาถามว่า จะสามารถแจ้งความดำเนินคดีตามมาตรา 112 ได้หรือไม่ เพราะไม่ได้แสดงความดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย แต่ใครจะเป็นคนรับรองว่าเมื่อไปแจ้งความแล้วตำรวจจะไม่รับแจ้ง
วรเจตน์กล่าวต่อไปว่า ในการต่อสู้ทางการเมืองมักจะกล้าวอ้างว่าบุคคลอื่นไม่จงรักภักดี นักการเมืองหลายคนที่ต้องการอภิปรายถึงสถานะของสถาบันกษัตริย์อย่างตรงไปตรง มาเพราะเกรงจะถูกกล่าวโทษว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
“เพื่อขจัดการใช้กฎหมายแบบนี้ เราจะไม่ยอมให้บุคคลใดก็ตามสามารถแจ้งความดำเนินคดี ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ”
โดยวรเจตน์กล่าวว่ามีการเสนอหลายความเห็น บางส่วนเสนอให้อัยการ หรือการตั้งบุคคลคณะหนึ่งขึ้นมาดำเนินการ ในส่วนของนิติราษฎร์นั้นเสนอโดยมุ่งตรงไปยังหน่วยงานที่ควรทำหน้าที่โดยตรง คือ สำนักราชเลขาธิการ
แม้ว่าจะมีข้อโต้แย้งว่าการเสนอเช่นนี้จะทำให้สถาบันกษัตริย์เป็นคู่ขัด แย้งกับประชาชน แต่ยังยืนยันว่าต้องเป็นสำนักราชเลขาธิการ เพราะหากปล่อยให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งขึ้นมากลั่นกรอง หรือปล่อยให้บุคคลอื่นดำเนินการ ก็จะไม่พ้นไปจากแรงกดดันทางการเมืองอยู่ดี เช่น รัฐบาลตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้วมีการหมิ่นประมาทกษัตริย์ขึ้น แล้วคณะกรรมการตกอยู่ภายใต้การกดดัน สุดท้ายก็ไม่แก้ปัญหาที่ต้องการแก้ จึงต้องหาหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งต้องเป็นสำนักราชเลขาธิการเพราะทำหน้าที่เป็นเลขาธิการในพระมหากษัตริย์ พระราชินี และองค์รัชทายาท ซึ่งการตัดสินใจที่ฟ้องร้องเป็นการตัดสินใจภายใน โดยสำนักราชเลขาฯ นั้น ขึ้นตรงต่อสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นการเชื่อมโยงสถาบันกษัตริย์กับสถาบันการเมือง
ในเรื่องนี้ คอป. ได้มีการเสนอขอแก้ไขมาตรา 112 เช่นกัน ใน 2 ประเด็น คือ ให้กลับไปใช้อัตราโทษก่อนการแก้ไขปี 2519 คือโทษไม่เกิน 7 ปี แต่นิติราษฎร์เห็นว่ายังไม่ได้ระดับมาตรฐานสากล
ประเด็นที่ 2 คอป. เสนอว่า ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษควรเป็นสำนักพระราชวัง ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้ว สำนักพระราชวังไม่ได้รับผิดชอบในด้านนิติการโดยตรง ขณะที่สำนักราชเลขาฯ มีกองนิติการ มีอำนาจหน้าที่ในการดูแลกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์
ร่างนี้จะไปสู่สภาฯ แต่....วรเจตน์ กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่าจะสามารถรวบรวมรายชื่อได้ 10,000 รายชื่อแน่นอน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะมีผู้แย้งแน่นอน คือ ในรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ในมาตรา 8 ว่าองค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะที่ผู้ใดจะล่วงละเมิดไม่ได้ การเสนอนี้จะขัดแย้งกับมาตรา 8
วรเจตน์อธิบายว่า ไม่ขัดแย้งกันเลย เพราะยังมีบทกำหนดโทษอยู่ เพียงแต่ปรับให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
อีกเหตุผลหนึ่งคือ การกำหนดในมาตรา 8 ว่าพระมหากษัตริย์จะล่วงละเมิดมิได้ องค์พระมหากษัตริย์ต้องไปพ้นจากการเมือง เพราะการเมืองมีคนรักและคนชัง จึงต้องทำให้รับกับระบอบประชาธิปไตยคือพระมหากษัตริย์นั้นอยู่เหนือการเมือง
ข้อโต้แย้งประการต่อมา จะมีข้อโต้แย้งว่า ในประมวลกฎหมายอาญาจะมีการคุ้มครองประมุขต่างประเทศฯ และโทษสูงกว่าที่นิติราษฎร์เสนอ วรเจตน์อธิบายว่า ข้อเสนอของนิติราษฎร์คือ เอาหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองประมุขของประเทศ ไปปรับแก้กับการคุ้มครองประมุขต่างประเทศไปในคราวเดียวกันซึ่งรัฐสภาทำได้ อยู่แล้ว
“หวังว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นการปฏิรูปว่าด้วยการดูหมิ่น หมิ่นประมาทในกฎหมายไทย แต่ในช่วงทางเดิน 112 วันต่อไป คงจะมีปัญหาบ้าง ก่อนที่เราจะทำร่างฯ นี้ออกมา เราได้ตรึกตรองว่าร่างฯ นี้ทำในกรอบที่จำกัดในกรอบรัฐธรรมนูญของเรา มีกฎเกณฑ์ที่ร้อยรัดอยู่ แต่เชื่อว่าข้อเสนอนั้นสอดรับกับบรรดากฎเกณฑ์ที่มีอยู่” และเชื่อว่า ต่อไปหากกฎเกณฑ์รัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกันได้รับการแก้ไข ก็อาจจะมีการแก้ไขมาตรานี้อีก นิติราษฎร์จึงเสนอการแก้ไขภายใต้ข้อจำกัดอย่างรัดกุมที่สุด
วรเจตน์กล่าวถึงขั้นตอนต่อไป คือ พ.ร.บ. เข้าชื่อเสนอกฎหมาย โดยให้สิทธิแก้บุคคลในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายซึ่งต้องตีความให้สอดรับกับ รัฐธรรมนูญปัจจุบันนี้ โดยกำหนดให้ทำโดยประชาชนจำนวน 50,000 คน แต่บทบัญญัตินี้ถูกทับโดยรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 ซึ่งกำหนดไว้ 10,000 คน
“ที่เราต้องการคือ 10,000 คน เกินหนึ่งหมื่นคนคือสิ่งที่เราปรารถนา”
มาตรา 112 เกี่ยวข้องกับเสรีภาพในการแสดงความเห็นโดยตรง ประชาชนย่อมเสนอแก้ไขได้
วรเจตน์กล่าวต่อไปว่า อาจจะมีข้อโต้แย้งว่า การเสนอกฎหมายต้องเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน แล้วจะมีคนไปร้องให้ตีตกไป โดยเขาอธิบายว่า ร่างแก้ไขมาตรา 112 นี้เกี่ยวข้องกับสิทธิเสรีภาพโดยตรง เพราะเป็นกฎหมายที่กำหนดยกเว้นการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และบทกำหนดโทษนั้นเกี่ยวข้องกับเสรีภาพของประชาชนอยู่แล้ว
“เวลานี้ พรรคการเมืองทุกพรรคปฏิเสธที่จะเกี่ยวข้องกับมาตรา 112 อย่างชัดเจน แต่หนทางยังอีกยาวไกล เขาอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ แต่ถ้าเขาไม่เปลี่ยนใจเราก็ต้องทำใจ เพราะร่างฯ ของเราก็จะไปตกเมื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภา ผมเชื่อว่าสมาชิกสภามีผู้ที่มีจิตใจรักประชาธิปไตยไม่น้อย ในเวลานี้ที่เราต้องทำคือ การรณรงค์เรื่องนี้จะเป็นการนำเอาปัญหานี้เข้าสู่พื้นที่สาธารณะอย่างเต็ม รูปแบบ ผมเชื่อว่า กิจกรรมที่เราทำต่อไปจะเป็นกิจกรรมที่จะได้รับความสนใจไม่เฉพาะในประเทศไทย เท่านั้น แต่จะเป็นกิจกรรมที่นานาชาติสนใจอย่างแน่นอน”
วรเจตน์ กล่าวและส่งข้อความถึงบรรดาผู้ที่ต่อต้านการแก้ไขมาตรา 112 ว่าในมาตรา 15 ของ พ.ร.บ. เข้าชื่อเสนอกฎหมาย ว่าผู้ใดกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่สามารถ เข้าชื่อเสนอกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“ความเห็นต่างกันไม่เป็นไร เมื่อเราสู่อยู่ในกรอบของกฎหมาย ก็ขอให้คนที่เห็นต่างนั้นสู้อยู่ในกรอบของกฎหมายด้วย”
และสุดท้าย วรเจตน์กล่าวถึงข้อกล่าวหาว่าสิ่งที่กำลังทำคือการจุดความขัดแย้งว่า “ประเทศเราอ่อนไหวเหลือเกินกับความขัดแย้ง เราเสแสร้งกันเหลือเกินแล้ว ผมไม่อยากจะใช้คำที่มันรุนแรงไปกว่านี้ ขอความกรุณาเถิดว่าเลิกเสแสร้ง ความขัดแย้งในสังคมประชาธิปไตยเป็นของธรรมดาเป็นของสามัญอย่างยิ่ง ขอเพียงให้คนที่เห็นต่างกันมีโอกาสพูด มีโอกาสเสนอความเห็นอย่างตรงไปตรงมา อย่าไปไล่เขา อย่าไปบอกให้เขาไปอยู่ที่อื่น อย่าไปบอกให้เขาต้องเปลี่ยนสัญชาติ สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ในกรอบของกฎหมายทั้งปวง และกฎหมายที่เราเคารพนั้นก็เป็นกฎหมายที่ท่านเหล่านั้นรักษาอยู่”
วรเจตน์กล่าวต่อไปว่าสำหรับขั้นตอนจากนี้ไป กระบวนการที่จะดำเนินการต่อไปจะอยู่ในความรับผิดชอบอย่างสิ้นเชิง ของ ครก. 112 ซึ่งจะทำงานและขับเคลื่อนต่อไป “คณะนิติราษฎร์เป็นเพียงหนึ่งใน ครก. 112 โดยจะให้คำแนะนำในประเด็นกฎหมาย ถ้าท่านให้ความสนับสนุนนิติราษฎร์ก็ขอให้สนับสนุน ครก. 112 ด้วย”
วรเจตน์กล่าวทิ้งท้าย โดยแสดงความคารวะต่อผู้ที่รณรงค์ในประเด็นปัญหามาตรา 112 ก่อนหน้านี้ ว่ามีหลายคนที่ในระหว่างการต่อสู้ต้องเผชิญกับการถูกกล่าวหาเช่นนั้นด้วย เช่นกรณีของสมยศ พฤกษาเกษมสุข ซึ่งหลังจากนิติราษฎร์เสนอหลักการแก้ไขมาตรา 112 โดยนายสมยศได้รณรงค์ต่ออย่างแข็งขัน และต่อมาได้ถูกจับกุม ดำเนินคดีและจนบัดนี้ยังไม่ได้รับการประกันตัว นอกจากนี้ กลุ่มสันติประชาธรรมที่ดำเนินการรณรงค์มาก่อนนิติราษฎร์ ยังมีนักวิชาการอื่นๆ ที่ได้ทำงานมาก่อน ถือว่าทั้งหมดมีส่วนในหน้าประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น แต่วันนี้ ถึงเวลาที่จะทำให้เรื่องนี้เป็นรูปธรรม หมดเวลาที่จะพูดอยู่ในห้อง แต่ต้องทำให้ประเด็นนี้เข้าสู่สาธารณะ
“ผมหวังว่านี่จะเป็นก้าวแรกและเป็นก้าวสำคัญที่สุดก้าวหนึ่งในการพูดถึง สถาบันพระมหากษัตริย์ในภาพรวมทั้งหมดในอนาคตในเวลาไม่ช้าไม่นานนี้ ในนามของนิติราษฎร์ ผมขออนุญาตขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมวันนี้และหวังว่าเราจะมีความสำเร็จใน การรณรงค์เรื่องนี้ต่อไป”
0000000
อ่านฉบับเต็ม ข้อเสนอนิติราษฎร์เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
คณะนิติราษฎร์: นิติศาสตร์เพื่อราษฎร
ข้อเสนอเพื่อการรณรงค์แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒
โดยตระหนักว่ามนุษย์ ไม่ว่าจะชาติกำเนิดใด ดำรงตำแหน่งสถานะใด ย่อมมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มีเสรีภาพ มีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน มีเหตุผล มีความสามารถอดทนอดกลั้นต่อความคิดเห็นที่แตกต่าง และในสังคมประชาธิปไตย เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเป็นเสรีภาพที่จะขาดเสียมิได้ หากจะมีการจำกัดเสรีภาพดังกล่าว รัฐต้องกระทำเท่าที่จำเป็น และจะจำกัดจนถึงขนาดกระทบต่อสารัตถะแห่งเสรีภาพนั้นมิได้
กฎหมายเกี่ยวกับความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ มีความไม่เหมาะสมทั้งในแง่ของโครงสร้างของบทบัญญัติ อัตราโทษ และการบังคับใช้ ประกอบกับกฎหมายดังกล่าวไม่มีการยกเว้นความผิดในกรณีที่บุคคลติชม แสดงความคิดเห็น หรือแสดงข้อความใดโดยสุจริตเพื่อรักษาไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญและการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย อีกทั้งในปัจจุบันปรากฏชัดว่ากฎหมายดังกล่าวเปิดช่องให้บุคคลนำไปใช้เป็น เครื่องมือทางการเมือง หรือนำไปใช้โดยไม่สุจริตและไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย
เพื่อรักษาไว้ซึ่งเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามความมุ่งหมายของ รัฐธรรมนูญ คณะนิติราษฎร์จึงเห็นควรเสนอแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเกี่ยวกับความผิดฐานหมิ่น ประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ดังนี้
ประเด็นที่ ๑
การดำรงอยู่ของมาตรา ๑๑๒
ข้อเสนอ
ยกเลิกบทบัญญัติมาตรา ๑๑๒ แห่งประมวลกฎหมายอาญา
เหตุผล 
๑. มาตรา ๑๑๒ แห่งประมวลกฎหมายอาญาที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันได้รับการบัญญัติขึ้นโดยคำ สั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ ๔๑ วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๑๙ ซึ่งเป็น “กฎหมาย” ของคณะรัฐประหาร บทบัญญัติในมาตรานี้จึงขาดความชอบธรรมทางประชาธิปไตย
๒. ข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์เป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของบทบัญญัติต่างๆใน ประมวลกฎหมายอาญาที่เกี่ยวข้องกับความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ จึงจำเป็นต้องยกเลิกบทบัญญัติมาตรา ๑๑๒ ในลักษณะ ๑. ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร เพื่อนำไปบัญญัติขึ้นใหม่เป็นลักษณะ... ความผิดเกี่ยวกับเกียรติยศและชื่อเสียงของพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

ประเด็นที่ ๒
ตำแหน่งแห่งที่ของบทบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับเกียรติยศและชื่อเสียง ของพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
ข้อเสนอ๑. เพิ่มเติมลักษณะ... ความผิดเกี่ยวกับพระเกียรติของพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และเกียรติยศของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ไว้ในประมวลกฎหมายอาญา
๒. นำบทบัญญัติเกี่ยวกับความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไปบัญญัติไว้ในลักษณะ...
๓. แยกความผิดในลักษณะ... เป็น ๔ ฐานความผิด คือ
  • ความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์
  • ความผิดฐานดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์
  • ความผิดฐานหมิ่นประมาทพระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
  • ความผิดฐานดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

เหตุผล
โดยสภาพของความผิด ความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ ไม่มีสภาพร้ายแรงถึงขนาดกระทบกระเทือนต่อการดำรงอยู่ต่อบูรณภาพ และต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร

ประเด็นที่ ๓
ตำแหน่งที่ได้รับการคุ้มครอง
ข้อเสนอแบ่งแยกการคุ้มครองสำหรับตำแหน่งพระมหากษัตริย์ออกจากการคุ้มครอง สำหรับตำแหน่งพระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ดังนี้
มาตรา ... “ผู้ใดหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ต้องระวางโทษ ...”
มาตรา ... “ผู้ใดดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ต้องระวางโทษ ...”
มาตรา ... “ผู้ใดหมิ่นประมาทพระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษ ...”
มาตรา ... “ผู้ใด ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษ ...”
เหตุผลเพื่อให้สอดคล้องกับการแบ่งแยกการคุ้มครองระหว่างตำแหน่งพระมหา กษัตริย์กับตำแหน่งพระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในความผิดฐานอื่นๆ กล่าวคือ
  • ความผิดฐานปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์ (มาตรา ๑๐๗)
  • ความผิดฐานกระทำการประทุษร้ายพระมหากษัตริย์ (มาตรา ๑๐๘)
  • ความผิดฐานปลงพระชนม์พระราชินี รัชทายาท และความผิดฐานฆ่าผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (มาตรา ๑๐๙)
  • ความผิดฐานกระทำการประทุษร้ายพระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (มาตรา ๑๑๐)
ประเด็นที่ ๔
อัตราโทษ
ข้อเสนอ
๑. ไม่มีอัตราโทษขั้นต่ำ
๒. ลดอัตราโทษขั้นสูงให้เป็นจำคุกไม่เกิน ๒ ปี สำหรับความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ และกำหนดโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท
๓. ลดอัตราโทษขั้นสูงให้เป็นจำคุกไม่เกิน ๑ ปี สำหรับความผิดฐานดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ และกำหนดโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
๔. ลดอัตราโทษขั้นสูงให้เป็นจำคุกไม่เกิน ๑ ปี สำหรับความผิดฐานหมิ่นประมาทพระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และกำหนดโทษปรับไม่เกินสามหมื่นบาท
๕. ลดอัตราโทษขั้นสูงให้เป็นจำคุกไม่เกิน ๖ เดือน สำหรับความผิดฐานดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และกำหนดโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
เหตุผล 
๑. ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ไม่มีการกำหนดอัตราโทษขั้นต่ำในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ดังนั้น ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ จึงยิ่งไม่ควรมีการกำหนดอัตราโทษขั้นต่ำในความผิดฐานดังกล่าว
๒. เปิดโอกาสให้ศาลได้ใช้ดุลพินิจในการกำหนดโทษจำคุกน้อยเพียงใดก็ได้ตามควรแก่ กรณี และในกรณีที่ศาลเห็นว่าการกระทำนั้นเป็นความผิด แต่ไม่ควรลงโทษถึงขั้นจำคุก ศาลอาจใช้ดุลพินิจให้ลงโทษปรับแต่เพียงอย่างเดียวก็ได้
๓. เป็นการคุ้มครองบุคคลในตำแหน่งพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ให้สมแก่สถานะแห่งตำแหน่ง จึงกำหนดให้มีอัตราโทษขั้นสูงที่สูงกว่าความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่น บุคคลธรรมดา แล้วแต่กรณี และเพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างความร้ายแรงของการกระทำอันเป็นความผิดกับ โทษที่ผู้กระทำความผิดนั้นควรได้รับ อันเป็นไปตามหลักความพอสมควรแก่เหตุซึ่งได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญ จึงกำหนดให้มีอัตราโทษขั้นสูงลดลงจากเดิม
๔. โดยเหตุที่พระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งประมุขของรัฐ ซึ่งมีสถานะแตกต่างจากพระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จึงกำหนดอัตราโทษให้แตกต่างกัน
๕. โดยเหตุที่ลักษณะของการกระทำความผิดและความเสียหายที่เกิดจากการกระทำความ ผิดฐานหมิ่นประมาท แตกต่างจากลักษณะของการกระทำความผิดและความเสียหายที่เกิดจากการกระทำความ ผิดฐานดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย จึงสมควรแยกการกระทำความผิดทั้งสองลักษณะออกจากกันและกำหนดอัตราโทษให้แตก ต่างกัน

ประเด็นที่ ๕
เหตุยกเว้นความผิด
ข้อเสนอเพิ่มเติมเหตุยกเว้นความผิด ดังนี้
มาตรา ... “ผู้ใด ติชม แสดงความคิดเห็น หรือแสดงข้อความใดโดยสุจริต เพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ เพื่อธำรงไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ทางวิชาการ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ หรือหมิ่นประมาทพระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์”
เหตุผลรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๔๕ รับรองเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และมาตรา ๕๐ รับรองเสรีภาพในทางวิชาการ ดังนั้น การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อการดังกล่าว จึงไม่สมควรเป็นความผิดทางอาญา

ประเด็นที่ ๖
เหตุยกเว้นโทษ
ข้อเสนอเพิ่มเติมเหตุยกเว้นโทษ ดังนี้
มาตรา ... “ในกรณีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามลักษณะ... ถ้าผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดพิสูจน์ได้ว่าข้อความนั้นเป็นความจริง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
ถ้าข้อที่กล่าวหาว่าเป็นความผิดนั้นเป็นเรื่องความเป็นอยู่ส่วนพระองค์ หรือความเป็นอยู่ส่วนตัวแล้วแต่กรณี และการพิสูจน์นั้นไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน ห้ามมิให้พิสูจน์”
เหตุผลแม้การกระทำนั้นเป็นความผิด แต่หากการกระทำนั้นเป็นการแสดงข้อความที่เป็นจริง และเป็นประโยชน์แก่ประชาชน ก็สมควรได้รับการยกเว้นโทษ

ประเด็นที่ ๗
ผู้มีอำนาจกล่าวโทษ
ข้อเสนอ๑.ห้ามบุคคลทั่วไปกล่าวโทษว่ามีการกระทำความผิดของพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และเกียรติยศของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
๒.ให้สำนักราชเลขาธิการเป็นผู้กล่าวโทษว่ามีการกระทำความผิดเกี่ยวกับพระ เกียรติของพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และเกียรติยศของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
เหตุผล๑. เพื่อมิให้บุคคลทั่วไปนำบทบัญญัติดังกล่าวมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือนำไปใช้โดยไม่สุจริต
๒.โดยเหตุที่สำนักราชเลขาธิการเป็นหน่วยงานของรัฐ มีอํานาจหน้าที่เกี่ยวกับการเลขานุการในพระองค์พระมหากษัตริย์ตามมาตรา ๔๖ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.๒๕๔๕ และมีสถานะเป็นกรม อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา ๔๖ วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.๒๕๔๕ มีกองนิติการทำหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระ มหากษัตริย์และงานส่วนพระองค์และดำเนินการเกี่ยวกับกฎหมายและระเบียบในความ รับผิดชอบของสำนักราชเลขาธิการ จึงสมควรให้สำนักราชเลขาธิการทำหน้าที่ปกป้องพระเกียรติของพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และเกียรติยศของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
หมายเหตุ ข้อเสนอนี้นอกจากจะเป็นข้อเสนอเพื่อการปฏิรูป ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ แล้ว คณะนิติราษฎร์ยังมุ่งหวังให้เป็นมาตรฐานในการปฏิรูปกฎเกณฑ์ความผิดฐานดู หมิ่นหรือหมิ่นประมาทกรณีอื่นๆในประมวลกฎหมายอาญาให้เป็นระบบและสอดคล้องกับ ข้อเสนอนี้ในโอกาสต่อไปด้วย



12:16

ผลการประกวดคลิปวิดีโอ "เสรีภาพบนความรับผิดชอบ"




คณะกรรมการตัดสินคลิปวิดีโอ ได้ตัดสินว่า ผลงานที่ส่งเข้าประกวดปีนี้ไม่มีรางวัลยอดเยี่ยม มีเฉพาะรางวัลดีเ่ด่นและรางวัลชมเชยอย่างละ 1 รางวัลคือ
รางวัลดีเด่นได้แก่ คลิืปหมายเลขที่ 6
Adobe Flash Player not installed or older than 7.0.14!
Get Adobe Flash Player here
6. ทีมกระต่ายตื่นตัว  ชื่อเสรีภาพบนความรับผิดชอบ-สีลม
ได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ

รางวัลชมเชยได้แก่ คลิืปหมายเลขที่ 2
Adobe Flash Player not installed or older than 7.0.14!
Get Adobe Flash Player here
2. ทีมสัมมะปิ   ชื่อเสรีภาพบนความรับผิดชอบ
ได้รับเงินรางวัล 2,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ


//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ผลงานที่ส่งเข้าประกวดทั้งหมดมี 7 ผลงานคลิป

1. คุณกันต์  แสงแก้ว ชื่อ ข่าวหน้าหนึ่ง
/////////////////////////////////////////////


2. ทีมสัมมะปิ   ชื่อเสรีภาพบนความรับผิดชอบ
///////////////////////////////////////////////
3. คุณนันทวัฒน์     หมื่นประจญ  ชื่อใครช่วยโลก
///////////////////////////////////////////////
Adobe Flash Player not installed or older than 7.0.14!
Get Adobe Flash Player here
Adobe Flash Player not installed or older than 7.0.14!
Get Adobe Flash Player here
คลิปวีดีโอ คาร์บอม 1” เสรีภาพบนความรับผิดชอบ
เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2553 คนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องขนาด 20 กก.บรรจุในถังแก๊สปิกนิกใส่ไว้ท้ายรถเก๋งฮอนด้า แอดคอร์ด ซึ่งจอดไว้บริเวณหน้าธนาคารกสิกรไทย สาขารือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส แรงระเบิดทำให้เห็นภาพนาทีระทึกคลิปวีดีโอดังกล่าว
ถึงเวลาแล้วที่....พวกเราต้องร่วมด้วยช่วยกัน ป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน ให้สังเกตและจดจำ  บุคคล รถยนต์  สิ่งของ  ที่ปกติ  แล้วโทรศัทท์แจ้ง สถานีตำรวจที่ใกล้ที่เกิดเหตุ
ภาพคลิปวีดีโอ.โดย นายประพันธ์  ฤทธิวงศ์ 64 ถ.รือเสาะสนองกิจ  หมู่ที่ 1 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส 96150 โทร.083-1850549
คลิปวีดีโอ คาร์บอม  2 เสรีภาพบนความรับผิดชอบ
เมื่อเช้าเวลา 09.50 น.วันที่ 13 ก.พ. 2554 คนร้ายขัรถยนต์กระบะอีซูซู ดีแมด  ซึ่งคนร้ายซุกระเบิดชนิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊สปิกนิก จอดหน้าร้าน เฮนเบเกอร์ ถนนนคร เขตเทศบาลนครยะลา   ทำให้ทหารและชาวบ้านบาดเจ็บรวม 18 ราย ร้านค้าวอดเสียหายไป 12 ห้อง
ถึงเวลาแล้วที่....พวกเราต้องร่วมด้วยช่วยกัน ป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน ให้สังเกตและจดจำ  บุคคล รถยนต์  สิ่งของ  ที่ปกติ  แล้วโทรศัทท์แจ้ง สถานีตำรวจที่ใกล้ที่เกิดเหตุ
4. คุณประพันธ์ ฤทธิวงศ์  ชื่อคาร์บอม1 คาร์บอม2
//////////////////////////////////////////////////
Adobe Flash Player not installed or older than 7.0.14!
Get Adobe Flash Player here
5. ทีม หยกกับเป๋า  ชื่อ"แด่ผู้เสียสละ"
///////////////////////////////////////////////////////////////////
6. ทีมกระต่ายตื่นตัว  ชื่อเสรีภาพบนความรับผิดชอบ-สีลม
/////////////////////////////////////////////////////////////////
Adobe Flash Player not installed or older than 7.0.14!
Get Adobe Flash Player here
7. คุณนิรุติ์  เต็งศิริ ชื่อเสรีภาพบนความรับผิดชอบ

ที่มา : http://www.tja.or.th/index.php?option=com_content&view=article&id=2408:2011-04-20-03-11-16&catid=137:2554

11:49

แม้แต่เส้นทางไปสู่การพ่ายแพ้ ก็ยังมีสิ่งที่เราต้องเอาชนะ - เสกสรรค์ ประเสริฐกุล






ความรักไม่ใช่สิ่งที่สั่งได้ บงการได้ หรือ ตั้งกรอบขึ้นมาให้ปฏิบัติตามได้ 


- พีรพล ภัทรนุธาพร





เรามักมองผ่านสิ่งที่เราอยากมอง เราก็เลยมองอะไรด้านเดียว ลองถามตัวเองสิว่า ไอ้ความหน้าด้านและใจดำมันไม่มีอยู่ในตัวเราจริงหรือ 


- ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์





น่าตกใจเมื่อพบว่าผู้ใหญ่เป็นฝ่ายยัดเยียดสิ่งมากมายให้แก่ชีวิตของเด็กโดยคิดเอาเองว่ามันจำเป็นสำหรับเขา ทั้งที่จริงๆแล้วเขาไมไ่ด้ต้องการ 


- ธิดา ผลิตผลการพิมพ์





บ่อยครั้งเราก็เสียเวลาฟูมฟายกับปัญหา มากกว่าใช้เวลาที่จะแก้ไขมัน 


- วิชัย มาตกุล





เรื่องที่อยากให้คนอื่นลืม แค่ไม่คุ้ยเขี่ยขึ้นมามันก็หายไป แต่เรื่องที่อยากลืมเอง ดูเหมือนร่างกายจะมีระบบคุ้ยอัตโนมัติที่น่าเจ็บใจในประสิทธิภาพเสมอ 


- จิราภรณ์ วิหวา





ยิ่งความสุขของเราขึ้นอยู่กับคนอื่นเท่าไหร่ เราก็ยิ่งทุกข์ง่ายขึ้นเท่านั้น 


- วิสูตร แสงอรุณเลิศ






หากการเกิดคือเริ่มต้นฝัน ความตายก็เป็น"การหมดเวลาฝัน" และถูกปลุกให้ตื่น 


- วิรัตน์ โตอารีย์มิตร





นอกจากความรู้สึกและบ่นว่า "สิ้นหวัง" เราพยายามคิดและคาดหมายว่าจะทำสิ่งใดบ้างเพื่อลบคำ 'สิ้น' ให้เหลือเพียง 'หวัง' 


- มกุฏ อรฤดี





แม้จะเป็นเรื่องเศร้า แต่ประโยชน์ของการแยกจากคือมันสอนให้เราได้รู้คุณค่าของการพบเจอ 


- เกตุเสพสวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา






การเลือกคนมาใช้ชีวิตร่วมไปด้วยกันนั้นเหมือนการเลือกหลังคาบ้าน แรกๆ เราก็ต้องเลือกที่สีสันสดใสสวยงามแต่สุดท้ายความสวยงามก็ไม่ใช่คำตอบของหลังคา เพราะต่อให้สวยแค่ไหนก็คงไม่มีใครบ้าปีนขึ้นไปชื่นชมความงามนั้น 


- จักรพันธุ์ ขวัญมงคล







ทางออกของปัญหา มักอยู่ที่ทางตัน


- นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์





เมื่อเราเหยียดหยามผู้อื่น เราก็เหยียดหยามความเป็นมนุษย์ในตนด้วย 


- วิรัตน์ โตอารีย์มิตร





เราอาจจะเชื่อมโยงเรื่อง ใหม่ๆกับเพื่อนเก่าได้ไม่มากนัก แต่ทุกครั้งที่เราเจอเพื่อนเก่าและคุยเรื่องเก่าๆกัน เราจะพบความเชื่อใจที่ไร้เงื่อนไขในวัยเยาว์อีกครั้ง 


- กตัญญู สว่างศรี





ไม่ต้องบอกว่าตัวเองเป็นตัวจริง ตัวปลอม มืออาชีพ มืออาชุ่ย ไม่ต้องเอ่ยอะไรสักแอะ เพราะผลงานมันฟ้องจนหมดเปลือกอยู่แล้ว 


- ณัฐชนน มหาอิทธิดล





ทำอะไรที่ทำได้ไปก่อน ขอให้เดินหน้าไปก่อน บางทีเราอาจจะไม่เห็นทางทั้งหมด ไม่เป็นไร ขอให้ทุกวันได้พัฒนาตัวเองให้ใกล้เป้าหมายมากขึ้น


- บัณฑิต อึ้งรังษี





เราคงไม่มาเขียนอะไรด่าคนที่เขาไม่อยากจะคิดและทำเหมือนกับเรา แม้แต่ก่อนเขาจะเคยคิดและทำเหมือนเราก็ตาม โดยเฉพาะในที่สาธารณะ ถ้ารักกันจริงก็โทรไปคุยหรือเดินทางไปหากันดีกว่าครับ ไขความข้องใจกันไป 


- จีระวุฒิ เขียวมณี





ความรู้ก็เหมือนของสะสม คงไม่สามารถได้มาในเวลาเดียวกัน แต่ต้องค่อย ๆ เก็บเล็กผสมน้อย ความรู้ไม่มีเก่า มีแต่ยิ่งเก็บยิ่งเก๋า และที่สำคัญก็คือว่าใช้เท่าไรก็ไม่เคยหมด 


- ประสาน อิงคนันท์





รักแล้วเสียใจ ก็ยังมีภาพที่สวย ภาพที่งดงามในความทรงจำมากกว่า เสียใจที่ไม่ได้รัก 


- นพปฎล พลศิลป์





ชีวิตดี ๆ ต้องการแค่ให้คุณดีพอ ไม่ใช่ต้องการให้คุณพยายามสร้างภาพที่ดีพร้อม 


- ศรันย์ ไมตรีเวช





ความสำเร็จ อาจอยู่หลังเราแค่ก้าวเดียว แต่บางทีเราไม่เคยมองมันเลย 


- วิศุทธิ์ พรนิมิตร




สิ่งที่คุณคิดว่าถูกวันนี้ มันอาจจะผิดในวันข้างหน้าก็ได้ 


- สุภาพ หริมเทพาธิป





ความตายไม่น่ากลัวเท่ากับการรับรู้ว่าเราจะตายโดยไม่มีใครเคียงข้าง 


- มารุต เหล็กเพชร





ประสบการณ์อาจไม่ใช่ครูที่ดี ถ้าเราไม่รู้จักเอามาปรับใช้


- กิตติพจน์ อรรถวิเชียร





แม้แต่มุมมองที่หักล้างความคิด ความเชื่อของเรา ถ้าไม่มีอคติ มันก็ยังเป็นมุมมองที่น่าฟัง 


- จีระวุฒิ เขียวมณี





เราไม่สามารถบอกได้ว่าคนนี้เป็นคนดีหรือไม่ดีแค่ไม่กี่วัน ต่อให้เขาเป็นคนไม่ดี บางทีเขาอาจมีรายละเอียดดี ๆ บางอย่างอยู่ในตัว 


- ศิริวรรณ เต็มผาติ





คนที่ตรรกะบิดเบี้ยว เขาก็พร้อมที่จะบิดหลักการเพื่อให้เข้าทางตัวเอง


- บดินทร์ เทพรัตน์





หนึ่งคืนของคนที่นอนไม่หลับมีรายละเอียดบรรจุอยู่มากมายกระจัดกระจายไร้ระเบียบอยู่ทุกวินาที ขณะที่หนึ่งคืนของคนที่หลับเต็มอิ่มดูเหมือนจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว 


- จักรพันธุ์ ขวัญมงคล





การพูดความจริงอย่างตรงไปตรงมา บางครั้งก็ทำให้คนเคือง แต่การพูดความจริงคือรูปแบบหนึ่งของการให้เกียรติกันนะ ไม่มีใครหายจากป่วยไข้ ด้วยลูกอมหรือขนมหวานหรอก เราดีขึ้นได้ด้วยยาขม แต่รสชาติมันอาจจะไม่น่าพิศมัย แค่นั้นเอง


- ชลณัฏฐ์ โกยกุล






ปัญญาไม่ได้เกิดจากความรู้ แต่เกิดจากการเรียนรู้


- ยงยุทธ จรรยารักษ์





ผู้พิการทางหูอาจไม่ได้ยินเสียง แต่ผู้พิการทางใจไม่อาจสัมผัสอะไรได้เลย 


- พุทธศักดิ์ ตันติสุทธิเวท







ตราบเท่าที่เราไม่ตั้งคำถามให้ถูกต้อง เราก็หาคำตอบที่ดีไม่เจอ 


- พุทธศักดิ์ ตันติสุทธิเวท





ต่อให้เราเก่งขนาดไหน แต่ถ้าไม่มีโอกาส มันก็ไม่ได้ 


- ยุทธนา บุญอ้อม



ถ้าเราเห็นปัญหา แล้วชินชากับมัน คืออันตราย 


- พิศาล แสงจันทร์





เราพยายามบอกตัวเองว่ามีอะไร ด้วยข้าวของที่มีในมือ แต่ในความจริงแล้ว เราไม่มีอะไรเลย 


- วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ





สิ่งที่มนุษย์กลัวที่สุดคือการอยู่คนเดียว แต่แปลกที่สิ่งที่ยากที่สุดของมนุษย์คือการอยู่ร่วมกัน 


- กรภพ จันทร์เจริญ





เราไม่อาจทำทุกสิ่งได้เองทั้งหมดในชีวิตนี้ ให้เลือกที่จำเป็นและทำได้ในชาตินี้ จะดีกว่าพยายามทำทุกสิ่ง แต่ทำอะไรไม่ได้เลย 


- ผกาวดี อุตตโมทย์





ถ้าคุณจะเลือกเสรีภาพเหนือสันติภาพ คุณก็ต้องเคารพเสรีภาพของคนที่อยากมีสันติภาพด้วย 


- โตมร ศุขปรีชา





ที่สำคัญกว่าการได้รับชัยชนะในการแข่งขัน คือบทเรียน ประสบการณ์ ที่ได้รับระหว่างเส้นทางต่างหาก 


- รัชชพร เหล่าวานิช





ความล้มเหลวของการรู้จักกัน มักจะเกิดจากความคิดที่ว่า เรารู้จักกันดีพอแล้ว 


- วิชัย มาตกุล





คนที่เพลย์เซฟ อาจมีชีวิตได้นานกว่าคนที่พร้อมจะเสี่ยง แต่คุณค่าของชีวิตอยู่ที่ความยืนยาวหรือเปล่า อาจไม่ใช่ 


- ทีปกร วุฒิพิทยามงคล







โลกที่แสนวุ่นวาย โลกที่เงียบเหงา ใบเดียวกัน 


- สุดารัตน์ แก่นใจ





บ้านพักคนชรา โรงเรียนเด็กพิเศษ สถานที่จัดงานอีเวนต์วันเกิดของคนที่คิดว่าตัวเองใจบุญ


- มารุต เหล็กเพชร





อย่าลืมว่าการวิจารณ์เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความรู้และวิจารณญาณมากกว่าการประจาน 


- จิระนันท์ พิตรปรีชา





มิตรภาพที่แท้จริง คือมิตรภาพที่เริ่มเผื่อแผ่ไปสู่ชีวิตอื่นที่ไม่ใช่มนุษย์ 


- ยงยุทธ จรรยารักษ์





ชีวิตจริงไม่ใช่หนัง เราไม่อาจดูซ้ำ ๆ หรือกดหยุดเหมือนหยุดหนังแผ่นเพื่อพบความจริงในนั้นได้ 


- เดือน จงมั่นคง





ถ้าเราด่าใครว่าโง่ โดยไม่เคยตั้งใจซักถามพูดคุยและถกเเถียงเหตุผลของเขาจริง ๆ ก็แปลว่าเรายังไม่เคารพในสิทธิของเขาจริง ๆ


- สฤณี อาชวานันทกุล





ถ้าใครจ่ายภาษีอากรน้อยมาก หรือมิได้จ่ายเลยในแต่ละปีก็จงละอายใจบ้างเมื่อวิพากษ์วิจารณ์ภาครัฐว่ามิได้ให้บริการในระดับคุณภาพที่ตนเองพอใจ -


- วรากรณ์ สามโกเศศ





อย่าพยายามไปเปลี่ยนนิสัยของคนอื่น เพราะเป็นไปไม่ได้ เพราะตัวเราเองแม้อยากจะเปลี่ยนนิสัยของตัวเองยังทำแทบไม่ได้ แล้วการไปเปลี่ยนนิสัยคนอื่นจะเป็นไปได้อย่างไร 


- สม สุจีรา





ถ้าเราเชื่อในความเลวทรามสามานย์ของมนุษย์ เราก็ต้องเชื่อด้วยว่ามนุษย์มีความดีความงาม 


- เสน่ห์ สังข์สุข





ไม่ว่าเราจะไปอยู่ที่ไหน ล่องลอยไปสู่มุมใดของจักรวาล สิ่งที่ควรจะได้รับการพัฒนาที่สุด ผมว่ามันก็ยังอยู่ใกล้ ๆ กับใจเรานี่เอง 


- ปราบดา หยุ่น





ค่าของเงินสูงขึ้นเท่าไหร่ ค่าของใจก็ต่ำลงเท่านั้น 


- วิศุทธิ์ พรนิมิตร





จะจำ หรือจะลืม เรื่องอดีตได้ไหม ไม่สำคัญเท่ากับว่าตอนที่จำได้กับตอนที่ลืมไป เราใช้ชีวิตยังไงอยู่ 


- พิทยากร ลีลาภัทร์





สังคมเราจะน่าอยู่ขึ้นอีกมากถ้าเรานึกถึงกัน และทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ร่วมสังคมเดียวกันเท่าที่มีโอกาส 


- แสงชัย สุนทรวัฒน์





ถ้าเราต้องการใช้เงินซื้ออะไร เราก็จะความหาเหตุผลร้อยแปดมาบอกถึงความจำเป็นของมันได้เสมอ 


- กำพล วีระกุล





บางครั้ง "คำอธิบายทางวิทยาศาสตร์" ก็เป็นสิ่ง "เกินจำเป็น" สำหรับการเติมเต็มในหัวใจของเรา 


- เดือนเพ็ญ สีหรัตน์





ไม่มีใครที่หลุดห้วงแห่งความเป็นเด็กพ้นหรอก เพราะยังไงเราก็อายุเพิ่มขึ้นทีละวันอยู่ดี ทำให้แก่เร็วขึ้นกว่านั้นไม่ได้ อย่าเพิ่งรีบแก่กันนักเลย


- พิชญา โชนะโต





งานสร้างสรรค์ไม่มีถูกผิด มีแต่ดีกับเลว ส่วนมันจะไปทางดีเลิศหรือเลวทรามนั้นก็ล้วนสะท้อนออกมาจากความคิด ความเชื่อ และทัศนคติของผู้สร้างสรรค์ทั้งสิ้น ว่าเขาได้รับเอามาอย่างไร และถ่ายทอดออกไปด้วยวิธีไหน 


- อุทิศ เหมะมูล





สำหรับคนที่รักกันนั้น ถ้าคิดว่าการดูแลกันเป็นภาระ มันก็จะเป็นภาระที่หนักอึ้งเอามาก ๆ แต่ถ้าเราเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ คิดว่ามันเป็นไปเพราะความรัก ภาระนั้นก็จะแปรเปลี่ยนเป็นความสุขในทันที 


- อมรเทพ สุขมานนท์



คนเรามีโอกาสเสมอ โอกาสที่บางคนปล่อยมันไป ไม่ใยดี ก่อนที่จะมาฟูมฟายว่าทำไมเราไม่เคยได้รับโอกาสอะไรแบบนั้นบ้าง โอกาสที่น่าจะดีกว่าถ้าเราเดินเข้าหามัน ไม่รอให้มันมาหาเรา 


- นพปฎล พลศิลป์





สิ่งที่ผมคิดว่าไม่น่าจะได้ ไม่น่าทำ หากเราใจกว้างและโตพอ คือการจัดแบ่งหมวดหมู่ว่าคนที่ทำอย่างนั้น คือคนประเภทนี้ ไม่ทำอย่างนี้ คือคนประเภทนั้น คิดแบบนี้คือคนแบบนั้น เพราะถึงที่สุดแล้ว มรรคาไม่ได้มีสายเดียวให้เลือกเดิน 


- สันติสุข กาญจนประกร







ชัยชนะของวันนี้ พรุ่งนี้มันก็กลายเป็นอดีตไปแล้ว 


- wormearth





เมื่อใดที่เราพยายามมองสภาพแวดล้อมโดยยกตัวเองให้สูงกว่า เราก็จะยิ่งไม่เข้าใจสภาพแวดล้อมมากเท่านั้น


- faiiside





ความเหงาคงเป็นอะไรที่เกิดง่าย แต่ความไม่เหงา ก็ไม่ได้เกิดยากอย่างที่คิด 


- gandhatsuba





เพียงหนึ่งประโยคที่เขียนให้อ่าน อาจบรรจุข้อความทางความรู้สึกหลายพันยิ้มและน้ำตา 


- mybookshelf





การเป็นคนได้รับที่เราเคยคิดว่ามันสุขใจ มันเทียบไม่ได้กับการมอบให้ เมื่อเราพบใครสักคน 


- nat-chi





เมื่อมันเป็นเรื่องของเขา และเราไม่ได้เป็นคนที่เผชิญสิ่งเหล่านั้น อย่าคิดว่าเพียงรับรู้ผิวเผิน แล้วจะเข้าใจ 


- pjpmee





ไม่มีธนาคาร ณ แห่งใดบนโลกใบนี้ ที่ยอมรับฝากวันเวลา แล้วถอนออกมาใช้ได้


- akiradragonfly





ความทะเยอทะยานก็นำพาให้เรากลายเป็นคนหูหนวกและตาบอดได้ หากเรา "ทะเยอทะยานอย่างไร้สติ" 


- lilbox2





ความผิดพลาดในอดีต จะช่วยสอนให้เราเติบโตและเข้มแข็งขึ้น


- chickynina29





การคิดสร้างสรรค์แล้วไปตรงกับคนอื่นไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะคุณคิดได้คนอื่นก็คิดได้ ทำสำเร็จหรือเปล่าวัดกันที่ตรงนั้น 


- porglon





คนฆ่าวัวบาป คนถือเงินไปซื้อเนื้อวัวไม่เป็นไร ? 


- วรพจน์ พันธุ์พงศ์





ถ้าดอกไม้บานเป็นนาฬิกาบอกการเปลี่ยนผ่านของฤดูกาล จิตใจที่เบิกบานก็คงเหมือนนาฬิกาบอกการเปลี่ยนผ่านทางความนึกคิด 


- สิริพันธุ์ สุนทรวิจิตร





เราปากกว้างขึ้น แต่ใจแคบลง ตะโกนเสียงดัง แต่ไม่รับฟังคนอื่น 


- วีรวัฒน์ อัจจุตมานัส





นักสิ่งแวดล้อมที่แท้ สามารถฉลองวันสิ่งแวดล้อมโลกไปตลอดกาล 


- วีรพงษ์ สุนทรฉัตราวัฒน์





เราเชื่อว่าโอกาสเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตของทุกคน ถ้าพยายามทำทุกโอกาสที่เข้ามาให้ดีที่สุด ใช้โอกาสที่มีอยู่อย่างเต็มที่ บางทีคุณอาจจะได้อะไรที่มีค่ามากกว่าเงิน 


- ธีรวัฒน์ วิญญรัตน์





มนุษย์ยกให้สุนัขเป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ แต่มนุษย์ก็จับมันใส่ปลอกและล่ามโซ่ พิลึกจริง ๆ 


- ประภาส ชลศรานนท์





ความรักงดงามและผลิบานได้ในทุกที่ แม้ท่ามกลางความตายที่หลายคนหวาดกลัว


- สุพจน์ โลห์คุณสมบัติ





คนที่มีความสุขไม่ใช่คนที่ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่คือคนที่ชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ 


- สรกล อดุลยานนท์





ฉันไม่ได้ขึ้นไปบนยอดเขานั่นหมายถึงฉันไม่เก่งใช่ไหม ก็ใช่ แต่ถ้าถามว่าทำไมต้องขึ้นไปบนยอดด้วย อันนี้ต้องตอบให้ได้นะ 


- ธนญชัย ศรศรีวิชัย





ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจยิ่งใหญ่แค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองผู้มีอำนาจเพียงใด เมื่อความตายมาเยือนตัวเองหรือคนใกล้ชิด ไม่ว่าใครก็มิอาจใช้เงินหรืออำนาจติดสินบนกฏธรรมชาติได้ ความตายจึงให้บทเรียนที่ยิ่งใหญ่กับทุกคน ทั้งยากดีมีจนและสูงศักดิ์ ทั้งจักรพรรดิ ชาวนา และยาจก


- ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา






คุณค่าของชาติไม่ได้วัดกันที่ความสูงของเสาธง 


- แสงอรุณ รัตกสิกร





ถ้าคิดเหมือนคนอื่น เราก็จะทำแค่สิ่งที่คนอื่นทำได้ แต่ถ้าเรามีความคิดสร้างสรรค์ของตัวเอง เราจะไปได้ไกลกว่าคนอื่น 


- นิชคุณ หรเวชกุล





เราจะวัดความยาวของงูได้ ก็ต่อเมื่อมันตายแล้ว 


- 'รงค์ วงษ์สวรรค์





การมองย้อนภูมิปัญญาในอดีตนั้นไม่ได้ทำให้เราได้รับความรู้เรื่องเก่า ๆ เพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยทำให้เรารู้ว่าเราควรก้าวต่อไปทางไหน 


- อาจวรงค์ จันทมาศ





ทุก ๆ วันเรามีของใหม่กว่าซึ่งมาทำให้ของที่เคยใหม่กลายเป็นเก่าอย่างรวดเร็ว


- วิรัตน์ โตอารีย์มิตร





ดอกไม้จะสวยที่สุด ตอนที่เรามีความสุข


- สาธิดา (ชิงชิง) กฤชเทียมเมฆ





ก่อนมีความเห็น ควรมีข้อมูล ไม่ต้องรีบแสดงความเห็น ถ้ายังไม่มีข้อมูล...การรู้ก่อนไม่มีประโยชน์ การเข้าใจอย่างถ่องแท้ต่างหากที่สำคัญกว่า


- ทรงกลด บางยี่ขัน





แม้แต่เส้นทางไปสู่การพ่ายแพ้ ก็ยังมีสิ่งที่เราต้องเอาชนะ 


- เสกสรรค์ ประเสริฐกุล





การเรียนรู้ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้จากสิ่งที่ดีเสมอไป เราเรียนจากความบกพร่องได้ เรียนจากศาสดาที่เราเลื่อมใสก็ได้ เรียนรู้จากคนที่เราไม่นับถือเลยก็ได้ 


- สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ





ในสังคมสัตว์ป่า พวกมันฆ่าเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เราไม่เคยเห็นสิงโตที่ฆ่ากวางทีเดียว 30 ตัว เพื่อเก็บไว้ขายต่อ อาจเพราะเหตุนี้กระมังที่เราไม่เคยเห็นสัตว์ลงพุงเพราะกินมากเกินความจำเป็น


- วินทร์ เลียววาริณ


ผมไม่มีอนาคต เพราะอนาคตเป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ 


- เอิบเปรม วัชรางกูร





ขบคิด จินตนาการ ขยายความ และร่ำลือ เป็นปฏิกิริยาลูกโซ่เมื่อคนเริ่มต้น "สงสัย"


- อธิคม คุณาวุฒิ





เราไม่สามารถควบคุมให้เราหัวเราะเยอะกว่านี้ หรือโกรธน้อยกว่านี้ได้


- ญารินดา บุนนาค





เราทุกคนที่มีลมหายใจ ต่างก็กำลังตายลงทุกขณะ พรุ่งนี้ก็อายุน้อยไปอีกนิด ไม่ใช่อายุมากขึ้นอย่างที่คิด


- ปราบดา หยุ่น





ความคิดไม่ได้ทำให้เกิดปัญหา ปัญหามันเกิดจากการไม่รู้จักจัดการกับความคิด 


- ศุ บุญเลี้ยง





เราทำตัวให้สูงกว่าความคาดหวังได้หรือ โลกนี้ไม่มีอะไรสูงกว่าความคาดหวังอีกแล้ว 


- อุดม แต้พานิช



ความเหงากับอิสระ คือการอยู่โดยลำพังเหมือนกัน แต่รู้สึกปวดร้าวไม่เท่ากัน 


- วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์



ขับรถเนี่ยไม่อยากหรอก เหยียบให้แรง ๆ มันก็เร็ว แต่จะให้มันนุ่มนวล คนไม่เวียนหัวเนี่ย ถือว่าเป็นศิลปะขั้นสูง


- จิระ มะลิกุล



ในขณะที่เราเรียกร้องการเขียนให้ "ดีขึ้น" เราก็ต้องเรียกร้องการอ่านให้ "ดีขึ้น" เช่นกัน 


- มุกหอม วงษ์เทศ



ทุกข์โศกทั้งหลาย มันมาจากการยึดติดสิ่งที่ไม่เป็นจริง 


- เสกสรรค์ ประเสริฐกุล





ชีวิตไม่ได้อยู่ที่ปริมาณวันที่ได้ใช้ชีวิต....แต่ชีวิตอยู่ที่คุณภาพการใช้ชีวิตในแต่ละวัน 


- pat (warmheart)







นักเขียนบล็อกที่ไม่ดี คือ นักเขียนบล็อกที่ไม่เขียนบล็อก 

- ไอติมตากแห้ง (goinganywhere)







ถ้าคิดอย่างมีเหตุผล แม้แต่คนโง่ ก็มีแนวโน้มจะฉลาดขึ้น 

- ตรีณา (jonggonnee)







การไม่อนุญาตให้ฉาย = การไม่อนุญาตให้ดูแบบถูกกฏหมาย

- The Eleventh Line : บรรทัดที่สิบเอ็ด (theeleventhline)







บางทีความจริงบนโลกอาจมีหลายชุด ขึ้นอยู่กับว่า เราจะมองมันด้วยสายตาแบบไหน

- พอกลอน ซาเสียง (porglon)







สังเกตไหมครับว่า ศิลปินสร้างชิ้นงานที่เป็นอมตะ จากภาวะที่หัวใจจ่อมจมอยู่ในห้วงทุกข์ 

- ชีวิตสำมะหาอันใด (sillyfake)







คนขี้เซาเขย่าแรงๆยังตื่น คนตายเขย่ายังไงก็ไม่ฟื้น คนเขลาตายไปแล้วยังไม่รู้ตัว

-40reborn (40reborn)







ฉันเชื่อว่า... ชีวิตคุณจะได้เจออะไรที่ไม่มีในแผนที่แน่นอน 

- เจ้าหญิงน้ำแข็ง (halonunu)







คนเราเกิดมาไม่เท่ากัน แต่สิ่งหนึ่งที่เท่ากัน คือ เวลา

- SEsai*im อิ่มๆ (sesai)







คนเราต่างก็ชะล่าใจ และไม่รักษา สิ่งที่ดีของตัวเองไว้ แล้วก็ใช้คำขอโทษ แทนความผิดที่ก่อขึ้น

- Im waterfall (ponnuppun)








สีเสื้อเหมือนกันแต่สีเนื้อก็ไม่เหมือนกัน


- นิ้วกลม ; นักเขียน, ผู้กำกับโฆษณา





คนที่เป็นนักเดินทางที่ดี ไม่จำเป็นต้องถึงขนาดรักทุกเส้นทางที่หลง แต่เขาควรจะเป็นคนที่หลงไหลในทุกเส้นทางที่ไป 


- วิไลรัตน์ เอมเอี่ยม ; บรรณาธิการนิตยสาร





มันไม่สามารถจะสร้างเมืองให้งดงามขึ้นได้ ถ้าพื้นฐานในจิตใจของคนในเมืองยังขุ่นมัว 


- ธนชัย อุชชิน ; นักร้อง, นักดนตรี





ประเทศที่ไม่มีขอทานอาจจะไม่ใช่เรื่องน่ายกย่อง เพราะนั่นอาจหมายถึงประเทศนั้นไม่มีคนที่พร้อมจะ "ให้" คนอื่น หลงเหลืออยู่แล้วก็ได้ 


- นิธิ เอียวศรีวงศ์ ; นักวิชาการ, นักเขียน





อดีตมันไม่ได้สุขหรอกครับ แต่เวลาที่คิดถึงอดีตนั่นล่ะสุข


- คงเดช จาตุรันต์รัศมี ; ผู้กำกับภาพยนตร์





‎"เวลา" คือ ตัวบ่อนทำลายครอบครัวตัวฉกาจ ไหนจะเวลาน้อย, ไม่มีเวลา หรือมีเวลาว่างไม่ตรงกัน 


- กนก รัตน์วงศ์สกุล ; นักข่าว, พิธีกร





ถ้าวันนี้มัวแต่เสียใจกับเมื่อวาน พรุ่งนี้ก็จะมัวแต่เสียใจกับวันนี้ 


- ทีปกร วุฒิพิทยามงคล ; เว็บมาสเตอร์





"คุณค่า" แม้ถูกบดบังแต่มิอาจลดทอน มันยังอยู่กับเราเสมอ 


- เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ; พิธีกร





ความฝันกับความจริง ต่างกันแค่ ทำ กับ ไม่ทำ 
อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา ; นักแสดง





















การคิดต่างไม่ได้เป็นสิ่งผิดปกติทุกอย่างมีสองด้านทั้งนั้น ทุกคนมีมุมถูกของตัวเองอยู่แล้ว ถ้ายอมลดลงมาคนละก้าวก็จะดี เพราะโลกเราทุกวันนี้เราหารกันใช้กับคนอื่นอยู่นะ 


- นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล ; นักจัดรายการวิทยุ, นักเขียน





ในทันทีที่โลกนี้มีโทรศัพท์มือถือ พล็อตหนังในโลกนี้มันหายไปครึ่งหนึ่งเลยครับ 


- จิระ มะลิกุล ; ผู้กำกับ, ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์





ปัญหาใหญ่คือการละเมิดสิทธิทางปัญญา ผมไม่ต่อว่าผู้บริโภค เพราะเป็นสิทธิของเขา ถ้าผิดคงเป็นคนขายและคนที่ไม่ยอมจับ แค่เดินเข้าพันธ์ทิพย์ก็จับได้หลายร้านแล้ว 


- บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ ; นักร้อง





เทคโนโลยีใหม่ ทำให้เรามองเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น แต่ก็ทำให้เราตาบอด 


- ฟ้า พูลวรลักษณ์ ; นักเขียน





เวลาที่เราคุยกัน เราชอบแบ่งทุกอย่างให้เป็นขาวดำ เป็นสองขั้ว เช่น จะเอาคนหรือเอาระบบ จะเอาโลกาภิวัตน์หรือไม่เอาโลกาภิวัตน์ จะเป็นซ้ายหรือเป็นขวา ชีวิตมันไม่ได้มีสองขั้ว เพราะฉะนั้น ถ้าพูดแบบนี้ก็จะหาทางแก้อะไรไม่ได้


- สฤณี อาชวานันทกุล ; นักวิชาการ, นักเขียน





มนุษย์ไม่ได้อยู่ได้ด้วยแขนหรือขาเท่านั้น แต่อยู่ได้ด้วยหัวใจ 
- สัญญา คุณากร ; พิธีกร





ผมมีโรงงานอุตสาหกรรม ไม่ได้ผลิตสินค้าส่งนอก แต่ผลิตออกซิเจนส่งให้คนละแวกบ้านและตัวเอง 


- นิรุตต์ ศิริจรรยา ; นักแสดง





ไม้กวาดเป็นของต่ำ แต่ทำให้โลกสะอาดขึ้น แต่ไม้กวาดก็กวาดพื้นด้วยตัวมันเองไม่ได้ 


- วินทร์ เลียววาริณ ; นักเขียน





ครูบางคนให้ไม่หมด ปล่อยไม่สุด เราไม่คิดตรงนั้น จะเก็บความรู้ให้ตายไปกับตัวทำไม ไม่กลัวด้วยว่าลูกศิษย์จะเก่งกว่า เราอยากเห็นคนคนนี้โตขึ้นไปเรื่อย ๆ มันน่าจะภูมิใจมากกว่าถ้าคุณมีความเป็นครูจริง ๆ 


- อรวีย์ ทัดเที่ยง ; อาจารย์





การที่มนุษย์มีชีวิตโดยไร้ทางเลือกก็มักเป็นจุดสิ้นสุดของการใช้ชีวิต ต่อให้ทางเดียวที่มีอยู่นั้นจะเป็นทางที่ดีงามสักเพียงใด 


- "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ; นายแพทย์, นักวิจารณ์ภาพยนตร์





สำหรับพ่อแม่ที่ทำเป็นเฉพาะ 'บงการ' แต่ไม่สามารถรับส่งหรือสื่อสารถึงความต้องการระหว่างลูกและตัวเองได้ ผมคิดว่านั่นเป็นพ่อแม่ที่ล้มเหลว ไม่ใช่แค่ล้มเหลวในความเป็นพ่อแม่ แต่ล้มเหลวในความเป็นคน คนที่ไม่สามารถรับฟังกรอบความคิดของคนอื่น 


- โตมร สุขปรีชา ; บรรณาธิการนิตยสาร





รู้สึกชีวิตเราสงบกว่านี้ตอนที่แอปเปิ้ลและแบล็กเบอร์รี่เป็นแค่ผลไม้


- อุดม แต้พานิช ; ศิลปิน





นักเขียนคนหนึ่งสามารถทำงานดี ๆ ได้ปีละ 1 เล่ม แต่นักแปลดี ๆ สามารถทำงานดี ๆ ได้ถึงปีละ 10 เล่ม 


- อนุรักษ์ กิจไพบูลทวี ; นักแปล





เวลาเป็นตัวเจือจางความเข้มข้นของความผิดหวังที่ดี 


- อาทิวราห์ คงมาลัย ; นักร้อง, นักดนตรี





เมื่อคุณตัดสินคนอื่นได้ก็ต้องยอมรับให้คนอื่นมาตัดสินคุณ

- อดุล จันทรศักดิ์ ; ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลาง





คนเราอยากรู้ไปหมดเลยว่าโลกจะเป็นยังไง เศรษฐกิจอเมริกาจะเป็นยังไง แต่คนข้าง ๆ เคยคุยกันบ้างหรือเปล่า รู้หรือเปล่าว่าเขาคิดยังไง 


- ดุจดาว วัฒนปกรณ์ ; นักแสดง, ผู้กำกับละครเวที





สังคมไทยกลายเป็นสังคมบริโภคนิยม แล้วยังเป็นสังคมบริภาษนิยมด้วย 


- จิระนันท์ พิตรปรีชา ; กวี, นักแปล





การเหยียบอีกฝ่ายหนึ่งให้จมโดยใช้ชาติพันธุ์มาแบ่งแยกผมยอมรับได้แค่เป็นความคิดของเด็กเท่านั้น


- ประภาส ชลศรานนท์ ; นักธุรกิจ, นักแต่งเพลง





โลกปัจจุบันทำให้ความคิดถึงหมดอายุง่ายลงเรื่อย ๆ


- อธิคม คุณาวุฒิ ; บรรณาธิการอำนวยการนิตยสาร






คนส่วนมากจะให้ความสำคัญกับการประทับตราว่าคุณเป็นใคร ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เขาเป็น แต่สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ สิ่งที่เขาทำ


- ชลณัฏฐ์ โกยกุล ; พิธีกร





รักที่ไม่ต้องการผูกพัน กับ ความผูกพันที่ไม่ค่อยเหลือความรัก อันไหนแย่กว่ากัน 


- นิติพงษ์ ห่อนาค ; นักแต่งเพลง





พระพุทธเจ้าตรัสรู้ใต้ต้นไม้ ไม่ใช่ในห้องสมุด


- ธนญชัย ศรศรีวิชัย ; ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณา






Mark Zuckerberg จะทราบไหมครับว่า เวปสุด cool ของเขาที่ไม่เคยล่มและไม่มี pop up จะมีการแท็กรูปโฆษณาการหาเงินในเนทอย่างรุนแรงในประเทศนี้


- อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ; นักร้อง, นักแต่งเพลง





ผู้ที่คิดว่าตัวเองเท่านั้นที่ถูก อย่างน้อยผู้นั้นก็ผิดไปแล้วหนึ่งอย่าง


- นิ้วกลม ; นักเขียน





ธรรมชาติไม่เคยให้โทษแก่ใคร ธรรมชาติทำให้จิตใจอ่อนโยน ธรรมชาติคือยารักษาโรคหัวเสีย ป้องกันผู้ที่สนใจไม่ให้ประกอบกรรมชั่วร้ายใดๆ 


- บุญส่ง เลขะกุล ; นายแพทย์





นักเขียนที่ดีต้องรู้จักให้เครดิตสิ่งที่ตัวเองนำมาใช้พูดหรือเขียน 


- วิไลรัตน์ เอมเอี่ยม ; บรรณาธิการนิตยสาร





ความรู้สึกหงอยๆ ใน 'คืนวันอาทิตย์' อาจเป็นเพราะเรากำลังต้อง 'คืนวันอาทิตย์' 


- ทรงกลด บางยี่ขัน ; บรรณาธิการนิตยสาร





ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งการรู้ ไม่ใช่การเชื่อ


- พิทยากร ลีลาภัทร์ ; นักเขียน, ผู้จัดการฝ่ายการตลาด





สารพัดสิ่งที่รัฐบาลทำให้ประชาชน ไม่ควรเรียกว่าของขวัญ เพราะมันก็มาจากเงินของเราทั้งนั้น


- นภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์ ; นักข่าว





การคิดเข้าข้างตัวเองที่เห็นบ่อยที่สุดคือ เวลามีคนคิดเหมือนกับเราเยอะ: "นี่ไงเสียงประชาชน" เวลามีคนคิดเหมือนกับเราน้อย: "นี่ไงมีหลักการ" 


- สฤณี อาชวานันทกุล ; นักวิชาการ, นักเขียน






การแบนคำว่า ชิมิ ชิมิ ผมว่าปัญญาอ่อนมาก 


- อารักษ์ อมรศุภศิริ ; นักดนตรี, นักแสดง





คนที่หักหลังเพื่อนหนึ่งครั้ง ก็จะหักหลังครั้งที่สอง


- ฟ้า พูลวรลักษณ์ ; นักเขียน





เราไม่เรียนสูงกว่าคนอื่นมาเพื่อด่าสังคม แต่เราเรียนมาเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาสังคมเหล่านั้น 


- วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล ; พิธีกร, นักเขียน





ไม่มีอะไรที่ 'ทุน' ไม่จำกัด ทุกอย่างมีทุนจำกัดหมด 


- ประภาส ชลศรานนท์ ; นักเขียน, นักธุรกิจ





แปลกดีที่เหล้าบุหรี่โดนเซ็นเซอร์ แต่ยาบ้าไม่โดน 


- สรยุทธ สุทัศนะจินดา ; นักข่าว





โลกมันดีของมันอยู่แล้ว เพียงแค่เราอย่าเอาไปเปรียบเทียบกับเมื่อก่อนหรือตอนไหน เพาะตลอดเวลามันก็มีตัวแปรให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป 


- มุนินทร์ สายประสาท ; นักเขียนการ์ตูน





หลาย ๆ ครั้ง การที่เราได้อะไรมาฟรี ๆ ก็มีบางสิ่งบางอย่างที่เราต้องเสียไปเป็นการแลกเปลี่ยน เพียงแต่เราอาจจะนึกไม่ถึง และเรายังไม่เห็นเท่านั้นเอง 


- วิภว์ บูรพาเดชะ ; บรรณาธิการนิตยสาร, นักวิจารณ์ดนตรี





ถ้าคนที่เราไม่ชอบ เขาหายใจ ก็อาจจะผิด แต่ถ้าคนที่เราชอบ ต่อให้มีความคิดอะไรไม่เหมือนกัน เราก็จะรู้สึกว่า เออ ดี มีความคิดเป็นของตวเอง 


- เข็มอัปสร สิริสุขะ ; นักแสดง





'ซูเปอร์แมน' บินได้เพราะความสามารถของเขา ไม่ใช่เพราะชุดที่เขาใส่ 


- ภาณุมาศ ทองธนากุล ; นักเขียน





เราไม่ค่อยอวยพรปีใหม่ด้วยถ้อยความประมาณนี้...ขอให้ปี2554เป็นปีที่ทุกคนสามารถเผชิญความทุกข์อย่างกล้าหาญเด็ดเดี่ยวและมีสติ 


- วิรัตน์ โตอารีย์มิตร ; นักเขียน





คนขายพัดใช้เครื่องปรับอากาศ คนขายเครื่องปรับอากาศใช้พัด 


- วินทร์ เลียววาริณ ; นักเขียน






ห้องสมุดประชาชนตามท้องถิ่น เหมือนแหล่งเก็บหนังสือที่แต่ละบ้านฝากไปทิ้ง


- วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ; นักคิด นักเขียน





คำพูดที่จริงก็อาจไม่เพราะ คำพูดที่เพราะก็อาจไม่จริง


- ธิดาพร ธุระพันธ์ ; นักศึกษา





ความจริงไม่ว่าจะพูดออกมาหรือไม่ ก้ยังเป็นความจริง 


- พัดชา เอนกอายุวัฒน์ ; นักร้อง




คนเราตายได้จริง ๆ 


- อินทิรา เจริญปุระ ; นักแสดง นักเขียน




หนึ่งวันที่ยาวนานก็อาจเป็นหนึ่งวันที่แสนสั้น ถ้าคนหนึ่งคิดถึงแต่อีกคนไม่


- อัญวรรณ ทองบุญรอด ; กองบรรณาธิการนิตยสาร





การจะดึงอดีตมาให้สมบูรณ์อย่างที่อดีตเป็น มันเป็นเรื่องยาก 


- รศ.ดร. สุเนตร ชุตินธรานนท์ ; ผู้อำนวยการสถาบัน




ปล่อยให้คนโง่ได้พูดบ้าง เพื่อจะทำให้เขาดูฉลาดขึ้น


- วศิน บุญมากเจริญ ; นักศึกษา





เรามีผู้บริหารประเทศทั้งนักการเมืองและข้าราชการประจำที่ 'ใช้เงิน' เก่งเยอะแล้ว ผมอยากเห็นผู้บริหารที่ 'ใช้สมอง' เก่งเยอะ ๆ บ้าง 


- ทรงกลด บางยี่ขัน ; บรรณาธิการนิตยสาร





'เวลา' คือสิ่งที่คุณจ่ายไป 'ความสุข คือสิ่งที่คุณได้รับ เราจ่าย 'เวลา' ไปวันละ 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่ 'ความสุข' ของเรา ทำไมไม่เท่ากัน 


- สรกล อดุลยานนท์ ; นักเขียน