10:07

ราตรีสงัด ราตรีสวัสดิ์‏

โลกเคลื่อนตามจักรราศี มีทิวา มีราตรีเป็นแผนที่แห่งเวลา อาบอุ่นไอสุริยา เพื่อผลิงอกชีวิตบรรจง ตราบเท่าอาทิตย์ยังคง องค์ธาตุยังครบ จะโคจร ก่อเป็นวัฏอันบวร และวังวนแห่งคืนวัน

ใต้แสงตะวัน : เสกสรรค์ ประเสริฐกุล


ไฟดับ - ข้าพเจ้าทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินออกมายืนรับลมที่ระเบียงห้อง ลมพัดเบาเหมือนเด็กวัยรุ่นเสือกเกิดอารมณ์อยากขี้เกียจ แต่นั้นไม่ใช่ปัญหาวาระประเทศ -ข้าฯจึงวางไว้ภายหลัง จากนั้นยืนมองสิ่งต่างๆภายหน้า

ด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่มากมาย ข้าฯเห็นสิ่งต่างๆเคลื่อนไหวเบื้องล่าง แสงไฟ เสียงเพลง เสียงคนพูดคุย-หากเขาพูดเสียงดัง บ้างตะโกนด่าทอต่อกันและไม่นานกอดคอกินเหล้าร้องเพลง ชีวิตหมุนเวียน บ้างสับสน บ้างเป็นวงจรชัดเจนซ้ำซาก บางครั้งไฟดับไปไม่ทั่วถึง เรายังสามารถมองเห็นชีวิตอื่นที่อาศัยแสงไฟในราตรีเดียวกันได้ ชวนให้นึกถึงเรื่องราวเรื่องหนึ่ง

ข้าพเจ้าอยากเล่า แม้จะไม่มีใครอยากฟังก็ตาม



เรื่องราวเริ่มต้นในค่ำคืนฝนพายุโหมพัดกระหน่ำ เจ้าแพะหนุ่มวิ่งเตลิดเข้าหาที่หลบฝนและเสียงฟ้าร้อง โชคดีที่พบเจอบ้านไม้หลังหนึ่ง


ภายในบ้านไม้นั้น มืดมิด มีเพียงแสงวูบวาบจากสายฟ้าที่ฟาดโบยมวลเมฆาภายนอก เจ้าแพะหนุ่มขดตัวอยู่ในมุมมืด ในความมืดนั้น มันได้พบว่ามีอีกชีวิตหนึ่งค่อยๆเดินลากเท้าเข้ามา เสียงคล้ายของแข็งกระทบพื้น เสียงเหมือนฝีเท้าของสัตว์กีบ เจ้าแพะหนุ่มทักทายผู้มาใหม่ ทั้งสองพูดจากันด้วยเรื่องราวของสิ่งที่ต่างคนต่างหวาดกลัว และรู้สึกอุ่นใจที่ได้อยู่ร่วมกันในค่ำคืนนี้

ทั้งสองลาจากกันในค่ำคืน โดยที่นัดหมายกันอีกครั้งในวันเช้ารุ่ง อากาศสดใส บอกรหัสกันและกันโดยที่ไม่ได้เห็นใบหน้าค่าตากันเสียด้วยซ้ำ จะว่าไปแล้วนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญเลยหากพวกเขาทั้งสองมีไมตรีต่อกัน

เช้าวันรุ่งขึ้น อากาศสะอาดหลังพายุฝนพ้นผ่าน ต้นไม้เขียวชุ่มหยดน้ำ แพะหนุ่มมารอในที่นัดพบ เมื่อถึงเวลาเขาทั้งสองก็ได้พบกัน แพะหนุ่มพบว่า สหายยามค่ำคืนนั้นคือหมาป่าหนุ่มตัวหนึ่ง


แพะหนุ่ม หมาป่าหนุ่ม ความแตกต่างทั้งร่างกายและอาหารการกิน แต่นั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องฝ่าฟันให้พ้นไป

และเมื่อเทวีแห่งสันติ ยิ้มให้เขาทั้งสอง นั่นคือความสงบสุข-ตลอดไป


ความมืดมิด ใช่ว่า ในความรู้สึกบางขณะ หรือบางทีคือ-ความน่ากลัว เป็นสิ่งอำพรางสายตา การมองเห็นถูกระงับไว้ด้วยความมืด และในยามที่ดวงตาหนึ่งดับสิ้นลง ดวงตาอีกหนึ่งก็จะเปิดขึ้นเพื่อทำงานแทนดวงตาที่ต้องอาศัยแสงสว่าง

ลืมสิ่งที่เป็นเปลือกห่อหุ้มร่างกาย วางอุปทานสัญญาไว้ข้างลำตัว (ตบหัวมันเล็กน้อย-ด้วยความเอ็นดู) พูดคุยในเรื่องเดียวกัน เรื่องราวพื้นฐานของการดำรงชีวิต อาหารการกิน สิ่งที่หายใจ เพลงที่ฟัง และพิธีการแห่งสติอันงดงาม เสียงเพลงที่ขับร้องในค่ำคืนมืดมิดช่วยกล่อมเกลาโลกให้สงบสันติ

คล้ายจะเหมือนกันแต่ต่างกันตรงวาระเวลา ในสงครามโลกครั้งที่ ๑ นับหลายคืนแล้วในวันที่อากาศหนาว

กองทัพเยอรมันประจันหน้าอยู่กับกองทัพอังกฤษในสนามเพลาะที่ขุดเป็นหลุมตลอดแนวยาว ราตรีไม่เคยสงบ สองฝ่ายยิงปืนใส่กันไปมาทั้งวันทั้งคืน พวกเขาไม่รู้จักกันมาก่อนและพวกเขารู้เพียงอย่างเดียวคือ ‘คำสั่ง’

จนถึงเมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม คศ. ๑๙๑๔ เสียงปืนจากฟากฝั่งกองทัพเยอรมันพลันสงบลง ไม่นานนักจึงเกิดแสงไฟเล็กๆเรื่อเรืองจากดวงเทียน มันประดับไว้ที่ปลายปืนของทหารเยอรมัน

แสงนั้นวาบไหวไปมาในราตรีมืดมิด ทหารอังกฤษหยุดยิง จากนั้นเฝ้าคอยว่าจะเกิดอะไรขึ้น และพวกเขาได้ยินเสียงร้องเพลงจากฝ่ายตรงข้าม เสียงเพลงจากแผ่วเบาค่อยๆดังขึ้น ดวงไฟจากเปลวเทียนยังคงส่องแสง


STILLE NAACHT HEILIG NACHT เป็นเพลงที่ไพเราะ ทหารอังกฤษยืนสงบ พวกเขาลดปืนที่เคยคำรามใส่กันเพื่อหวังปลิดชีวิตลงชั่วขณะเวลาหนึ่ง เมื่อเพลงจบ พวกเขาคลานออกมาจากสนามเพลาะ ทิ้งความคิดที่จะเข่นฆ่ากัน พวกเขาต่างแลกเปลี่ยนกันดูรูปภรรยาลูกชาย คนรัก กอดคอกัน ส่งบุหรี่และเบียร์เพื่อขับไล่ความเหน็บหนาว และให้หัวใจเยียบเย็นได้รู้สึกถึงความอบอุ่น

จากนั้นไม่นานพวกเขา ทหารเยอรมันและทหารอังกฤษต่างก็แยกย้ายกันกลับไปยังหลุมเพลาะของตัวเอง พวกเขาเหล่านั้น หยิบปืนขึ้นมายิงกันต่อ

- เรียบเรียงใหม่จาก เมืองเล็กที่เปลี่ยนโลก : เรื่องของนักเดิน(สวน)ทาง -

เหมือนเป็นความฝันตื่นหนึ่ง แต่ก็นั่นละ หากในยามหลับไหลเราสามารถลดจำนวนชีวิตที่ต้องถูกปลิดทิ้งจากการเข่นฆ่ากัน แล้วทำไมเราจึงไม่นอนหลับกันให้มากเข้าไว้ละ ในเวลากลางคืน ทำไมจึงยังมีผู้คนที่ต้องแบกท้องหิว อาจผู้คนมีเวลานอนเพียงวันละสี่ชั่วโมง มีมากที่ถูกตัดเส้นประสาทความง่วงออกจากร่างกาย เรื่องราวประหลาดไม่น่าเป็นไปได้ แต่ข้าฯ วงเล็บไว้ในใจว่า (ไม่แน่) เหล่านั้นเกิดที่เมืองโกรเทสก์

‘นอน’ เมื่อคนเรารู้สึกว่าลำดับการดำเนินชีวิตมีสิ่งอื่นที่สำคัญมากมายกว่าการนอน มันเป็นเรื่องของชายคนหนึ่ง ‘เคแอลเอ’ (K-LA)

“บางคนยามตื่นเพียงพยักหน้าก็ได้ทุกอย่างตามต้องการ แต่ยามนอนกลับขดกอดตัวเองไว้แน่นราวทารก ที่ไม่ยอมออกจากครรถ์มารดา บางท่านถึงขั้นไม่อยากหลับ เพราะเกรงว่าฝันร้ายจะมาจากใต้หมอน

ห้องหอเย็นฉ่ำไม่อาจทำให้ห้องหายร้อย บางคนพบว่าคู่นอนมิใช่คนเดียวที่รู้ใจ”

- ทางสายใน : เสกสรรค์ ประเสริฐกุล -

เคแอลเอ เปรียบเหมือนผลึกชิ้นหนึ่ง เป็นผลึกซึ่งตกตะกอนจากสังคมที่ไม่เคยกินอิ่ม และอยากหลับนอน เมื่อคนเราฝืนธรรมชาติเพื่อเพิ่มสิ่งหนึ่ง อีกสิ่งหนึ่งซึ่งร้อยรัดเข้ากับสัจธรรมย่อมไม่อาจดำรงอยู่ในอัตราเดิม -ย่อมลดน้อยลง

เคแอลเอ ไร้งานเพราะเขาต้องการนอน ความคิดอยากนอนของเขา ความคิดที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐบาลโกเทสก์ เศรษฐกิจและความเชื่อที่ว่านอนน้อยลงทำงานได้มากขึ้น และคุณจะได้นอนอย่างเต็มที่เมื่ออายุหกสิบ ผู้คนในเมืองนอนไม่หลับหากไม่พึงพายานอนหลับ ทำงานไม่ได้หากไม่มียาขยัน แต่ส่วนลึกๆในใจแล้วทุกคนอยากนอน อยากพักผ่อน

แน่นอน ไม่มีใครบ้ารอจนถึงอายุหกสิบปีหรอก ทว่าเงื่อนไขของปากท้องคือประตูลงกลอนที่ยังการกุญแจไม่เจอ

เคแอลเอถูกไล่ออกเขาจึงไม่ต้องมีกุญแจ เขาเดินพ้นจากประตู ไม่ต่างจากขยะที่ไร้ค่าของเมือง เขาเดินเข้าสวนปรัชญา ในสวนเขาพบเจอนักปรัชญาแห่งความไม่แน่นอน นักปรัชญาสอนเขาถึงการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้โดยไม่ต้องพึงพิงปุ่มเอนเทอร์ (ENTER)

นักปรัชญาหลับไปอย่างไม่หวนคืนตื่น เคแอลเอพบโลกใหม่ของการนอน จากผู้ศรัทธาต่อ ‘ศาสดานอน’ เขากลายเป็นผู้นำในการนอนชิดธรรมชาติ สวนปรัชญาของนักปรัชญาแห่งความไม่แน่นอนแปรสภาพเป็น ‘สวนนอนธรรมชาติ’

ชุมชนคนนอน เติบโต และรัฐบาลต้องควบคุม เพราะการนอนวันละแปดชั่วโมงเป็นอันตรายต่อความมั่นคง เคแอลเอเปลี่ยนจากคนตกงานที่อยากนอน กลายเป็นนักต่อสู้เพื่อให้ได้สิทธิ์ในการนอนวันละแปดชั่วโมง มันกลายเป็นการประท้วงอย่างสันติ ด้วยการนอน

รัฐบาลมักพูดถึงการเจรจาหาทางออกแต่เรื่องราวมักจบลงด้วยความรุนแรง เคแอลเอหายไป เขาหยุดเรื่องราวไว้เพื่อสันติ

เขาปรากฏตัวที่รัฐอิสระเอเอ็มดี มีชีวิตอย่างสงบสุข พูดคุยกับดอนกิโฮเต้ เฝ้ามองสวนผักของจอห์นเลนนอน

เคแอลเอเหม่อมองใบไม้ เสียงปืนดังจากที่ห่างไกลหนึ่งนัด แดดยามเย็นทอแสงสีทอง หัวหน้าเซมตรึกตรอง ดวงอาทิตย์จวนลับยอดเขา

“ผมโชคดีที่ได้มาอยู่ที่นี่ ได้พบลุงดอน กิโฮเต้ ท่านโสกราตีส จอห์น เลนนอน ผมเกรงว่าถ้าอยู่ที่นี่ต่อไป ชุมชนนี้อาจได้รับผลร้าย รัฐบาลโกรเทสก์มีเหตุผลพิลึกพิลั่นในการทำอะไรอยู่เสมอ”

“ผู้นำรัฐบาลคนนี้นิสัยโลเล ไม่ยอมลงมือทำอะไรจนกว่าจะไม่มีทางเลือก และเขาไม่กล้าใช้กำลังทหารกับชุมชนนี้หรอก

“แปลกดี ผมมาอยู่ที่นี่แล้วไม่อยากกลับไปเมืองโกรเทสก์ แต่พอกลุ่มนอนเพื่อสันติถูกตั้งข้อให้เป็นภัยร้ายแรงต่อระบบ ผมอยากกลับไปนอนที่หน้าทำเนียบรัฐบาล หรือนอนเงียบๆอยู่ที่ไหนสักที่ในเมืองนั้น

“ผมเคยคิดเล่นๆว่าอยากเปิดให้ที่นี่เป็นชุมชนนอน ใครที่อยากมีชีวิตชิดธรรมชาติมาอยู่ที่นี่ ทำงานเล็กๆน้อยๆ พอให้มีกิน มันน่าจะเหมาะสมสำหรับชุมชนในอนาคตนะ”

“นั่นสิ ผมน่าจะอยู่ที่นี่ คนในเมืองโหยหาธรรมชาติ ตรงกันข้ามกับคนในหมู่บ้านโหยหาความเจริญทางวัตถุ คนในเมืองหนีความแออัดเข้าไปท่องในโลกไซเบอร์ ก่อตั้งชุมชนใหม่ ติดต่อสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต ใช้ชีวิตอยู่ในโลกเสมือนจริง เข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริง

ผู้คนกำลังหลั่งไหลเข้าสู่โลกเสมือนจริงอันแห้งแล้ง ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นชีวิตในชุมชนเสมือนจริง ผู้คนทุกวันนี้เบื่อชีวิตจริง เบื่อความซ้ำซากจำเจของชีวิตที่ดำเนินไปอย่างเป็นกลไกของเมือง ความเป็นกลไกลุกลามเข้าไปทุกพื้นที่ แล้วมันบงการให้คนเป็นทาส”

อีกสามวันเคแอลเอปรากฏตัวที่สวนนอนธรรมชาติ

เขากลับมาต่อสู้ในอีกรูปแบบหนึ่ง เขาตั้งพรรค์โกรเทสก์ พรรค์ที่ชูนโยบายสนับสนุนการนอนวันละแปดชั่วโมง ผลการเลือกตั้งพรรค์โกรเทสก์ได้รับเลือกอย่างขาดลอย ไม่ว่าจะถูกประท้วงเพื่อให้นับคะแนนใหม่ก็ตาม แต่ในความจริงคือ ทุกคนมีความหวังกับรัฐบาลของพรรค์โกรเทสก์ ทุกคนผิดหวังกับทุกรัฐบาลที่ผ่านเข้ามา-และจากไปด้วยวาทะสวยงาม

เคแอลเอพบว่ามีปัญหามากมายที่ไม่สามารถเข้าไปจัดการได้ และเขาต้องเข้าไปเปลี่ยนแปลงระบบต้นสายปลายเหตุแห่งปัญหา เขาทำงานอย่างหนัก เขานอนน้อยลง กินยาขยันและเขาสบถด่าตัวเอง

แม่-ง พรุ่งนี้เขาจะนอนสักแปดชั่วโมง

“โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน” เสียงท่องบ่นของนักปรัชญาแห่งความไม่แน่นอนกลืนหายไปในหลุมเวลา


มนุษย์เราก็เป็นเช่นนี้เสมอ ดุจดั่งหยินและหยาง ที่เมื่อใดหยินเพิ่มพูนจนได้ระดับหนึ่ง จำต้องปล่อยให้หยางเติบโต ผลัดเปลี่ยนเวียนไปเป็นวงกลม ได้อย่างเสียอย่าง เพลงเก่าอาจฟังดูครึ ทว่าใช้ได้เสมอเมื่อปากว่างและอารมณ์บรรเจิด

จะว่าไป แม้ในยามที่ผู้คนหลับตานอน ใช่หรือไม่ก็เพื่อเชิญความมืดมาปกป้องโลกส่วนตัว ต่อให้กลางวันเป็นฝันสลาย กลางคืนยังช่วยปลอบประโลม

อันที่จริง ชีวิตไม่เพียงอาศัยอ้อมกอดของราตรีคอยอุ้มประคอง หากคือการเดินทางในความมืดโดยตัวของมันเอง ดังนั้น มีแต่ต้องเรียนรู้นิมิตรแห่งค่ำคืน จึงอาจข้ามพ้นสายน้ำแห่งกาลเวลา

ดุจดั่งคนหาปลารู้จักดับตะเกียงเพื่อดูดาว

- สายน้ำคืนเพ็ญ : เสกสรรค์ ประเสริฐกุล -

๐๐๐

เพื่อหาบางสิ่งเติมเต็มในสิ่งที่พร่องหาย ข้าฯมองลงดูความวูบไหวไปมาของคนข้างล่าง แสงสีจากหลอดไฟดัดโค้งเป็นรูปร่างอักษรา สีสันยวนใจให้ลุ่มหลง และในซอกหลืบของตรอกซอยมีความมืดมิด ความหิวบังคับให้ผีเสื้อปีกพรุนสยายกลีบ

จากนั้นโบยบินสู่อ้อมกอดราตรีแห่งตาคลี กลีบปีกสดสวยตัดกับบรรยากาศสงคราม น้ำตาไม่มีเสียงร้องให้ใครได้ยิน รงค์ฯจาระไนค่าใช้จ่ายที่สูญหายไประหว่างทางของสงคราม ข้าพเจ้าสรุปเอาอย่างหยาบและเป็นกันเองกับขนาดมันสมองอันมีขีดจำกัด

ตาคลี น้ำตาไม่มีเสียงร้องไห้ สารคดีบันทึกเรื่องราวในช่วงระหว่างสงครามอินโดจีน หากแต่เป็นฉบับรายงานการสงครามแนว(แผ่น)หลัง บาร์เหล้า หญิงบริการ แมงดา(สองขา) ยาเสพติด ราคาข้าวแกงและค่าแรงต่อหนึ่งประตู-ผีเสื้อราตรีสนใจมากพอกับว่า เมื่อไหร่สงครามจะยุติ เพื่อโบยบินและสิ้นใจ

หนุ่มผมยาวบอกว่า นักดนตรีมันไม่พี้ยาไปเสียทุกคน “ ดนตรีคือทางออกที่นุ่มนวลที่สุด ในบรรดาทางออกทั้งหลาย ในสังคมที่วุ่นวายซับซ้อน – มันก็ไม่ใช่ความผิดบาปอย่างไร ถ้าเราจะตะโกนออกมา ด้วยเครื่องมือที่ฆ่าใครไม่ได้ ทำไมหรือ? ก็มันเป็นเพียงดนตรี”

นักธุรกิจบนขาอ่อนผู้ถามหาศีลธรรม – เขาอยากพบหน้าและทำความรู้จัก เขาอาจเย้ยหยันหรือเขาอาจไม่รู้จักมันจริงๆ และผู้ดูแลความเรียบร้อยให้ผลประโยชน์ไม่เป็นสิ่งก้าวร้าวจนเกินไปสำหรับสนามรบแนวหลัง

หวยกระป๋อง-คล้ายหวยเถื่อนลดตัวเลขให้เหลือ ๑๒ หน่วย หากถูก จ่าย ๑๐ ต่อ “คนรวยหรือคนจนก็ชอบเล่น -หล่อนว่า – มันง่ายและเร็วดี ไม่ต้องรอ สิบวัน – ตื่นนอนขึ้นมาตอนเที่ยง โยนไว้สักสิบ ยี้สิบ พอถึงเย็นก็รู้ว่า รวย-หรือซวย” หวยกระป๋องออกทุกวัน ย่ำเย็น

หญิงบริการขึ้นทะเบียนเมื่อเดือน พค. ๑๕ รวม ๕๓๐ – มิย. กค. สค. กย . ตค. ขยายหมายเลขทะเบียนเป็น ๒,๒๗๑ ปริมาณผีเสื้อและโรคา

ข้าวแกงจานละ ๒ บาท ส้มตำมะละกอครกละ ๒ บาท ลาบจานละ ๓-๕ บาท ราคาข้างเหนียวขายเป็นหยิบ ต่อหยิบ ๑ บาท หากต้องการกินอิ่ม-อย่างน้อยที่สุด อิ่มเล็ก ๕ หยิบ-๕ บาท อิ่มใหญ่ ๑๐ หยิบ- ๑๐ บาท ในวงเล็บ เมื่อ พศ. ๒๕๑๕ – นั่นคือราคาของตาคลี

ราคาของสงครามโดยสังเขป แฟนทอม (เครื่องบิน) เอฟ ๔ เดินทางจากมลรัฐเม๊กซิโก-“มันคือปีศาจ” (บางคนว่าอย่างนั้น) ราคาอย่างที่บอกต่อกันได้อยู่ที่ ๘๐ ล้าน ราว ๗๒ ลำ ค่าใช้จ่ายในการบินแต่ละครั้ง ๑๗๐,๐๐๐ บาท อัตราการยิงกระสุนปลิดวิญญาณ ๑๐,๐๐๐ นัดต่อนาที (นั่นคือจำนวนของชีวิตที่เจ็บและดับ-หากมีวาสนาพบเจอ) ค่าใช้จ่ายในการบิน ข้าพเจ้าไม่แน่ใจจำนวนว่านั่นคือจำนวนนับทั้งฝูงบินหรือต่อเที่ยวลำ

ห่-า มันก็เงินมหาศาลอยู่ดี

เครื่องบิน บี. ๕๒ ราคาต่อลำ ๑๖๐ ล้าน-อ่านไม่เจอจำนวน ทว่า-ต่อหนึ่งลำสามารถบรรทุกระเบิด กินน้ำหนัก ๓๐๐ ตัน ระเบิดหนึ่งตันชำระสิ่งมีชีวิตให้พ้นจากจากโลกนี้ได้เท่าไรนั้น-ไม่มีในบันทึก


สงครามเวหาราคา ๑๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท วิมานของคนยาก ๒๐ บาท/ต่อประตู

สี่แสนล้านดอลลาร์ อเมริกันใช้เงินไปในสงครามอินโดจีนแปลเป็นค่าเงินไทยในลมหายใจขณะนั้นเป็นเงินแปดล้านๆ พระเจ้าช่วย (ตัวหนังสือรู้สึกอยากอุทานและอาเจียน) แปดล้านๆ นั้นคือราคาของสงคราม และตาคลีเขียนใบเสร็จมากมายให้อเมริกัน ระหว่างสงคราม

กามโรคนั่น-ย่อมนับรวม เป็นปริมาณที่มีการบันทึก แต่คนไม่เคยจดจำ ลืมง่ายดายเป็นเรื่องธรรมดา ไม่แปลก คนทั่วไปไม่มีสมองไว้จดจำเรื่องเหล่านี้หรอก มีแต่คนที่ไม่ธรรมดาเท่านั้น ที่จำตัวเลขเหล่านี้มาเขียนเล่าเอาความ

“พวกเขามาถึงตอนเย็นแดดรำไร นกกำลังบินกลับจากรัง คืนนั้นพวกเรานอนไม่หลับกันเลย – ครับ!! เตรียมตัวเป็นเศรษฐีกัน”

รงค์ วงษ์สวรรค์ เป็นคนไม่ธรรมดา

เทียบกับค่ำคืนธรรมดานี้ แหงนมองฟ้า ดวงดาวดูน่ารักน่าชังอย่างประหลาด พาลให้ใจหลุดลอยหายไปในม่านเมฆขาวมัว ภาษาสวยงามทำให้เราอมยิ้มและง่วงนอน ดั่งน้ำทิพย์ชโลมหัวใจที่ระอุร้อน ให้ผ่อนคลาย ละวางปลดปลงสิ่งต่างๆที่หัวใจหอบหิ้วจนเหนื่อยหน่าย

บุตรธิดาแห่งดวงดาว แวดล้อมกายเราเสมอ หากสัมผัสได้ถึงพวกเธอเหล่านั้น

ค่ำคืนมืดมิดยังมีความเปลี่ยวเปล่า มีความเหน็บหนาวเมื่อลมพริ้วผ่านความเย็นแห่งมหานที ความคิดคำนึงถึงค่ำคืนอันงดงาม ใช่หรือไม่ว่าเกิดก่อจากความว่างเปล่า จากไม่มีเปลี่ยนเป็นมี จากมีเปลี่ยนเป็นไม่มี

หมุนเวียนเฉกเช่นทิวาและราตรี

๐๐๐

ภายในใต้แสงตะวัน – เธอได้แบ่งปันจากชีวิตอื่น – กินจากหลายผืน -ดื่มจากหลายสายธาร

เธออาศัยผู้คนเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด – เธอเติบโตในอ้อมกอดแห่งสุญตาราม – ทั้งโลกคือมาตุคาม – ทั้งเอกภพคือปิตุภูมิ

ภายใต้แสงตะวัน – เธอฝันถึงศานติ – และในฤดูใบไม้ผลิ – เธอฝันถึงความรัก – แต่บ่อยครั้งเธออาจไม่รู้จัก – ว่าความรักคืออะไร

เธอค้นหาสิ่งนั้นเหมือนอยู่ภายนอก – แต่สิ่งที่ศาสดาท่านบอก รักอยู่ภายใน – (ฉะนั้น) อย่าเที่ยวถามผู้อื่นว่ารักเธอแค่ไหน – เพราะความรัก มิใช่ การเจราพาที

รักคือการให้ รักคือเมตตา รักคือศรัทธาที่เธอมีต่อความจริง รักคือสำนึก ว่าเธอมาจากสรรพสิ่ง จึงมิอาจทอดทิ้ง .. สิ่งใด หรือผู้ใด

- ข้าวเม็ดน้อย : เสกสรรค์ ประเสริฐกุล -


ตัวอักษรคือเครื่องทำความเย็นที่แสนประหยัดและก่อมลภาวะให้กับธรรมชาติน้อย อย่างน้อยก็ไม่เท่าเครื่องปรับอากาศหรือน้ำแข็งลอยแกว่งในน้ำขมประกายอำพัน

มองฟ้าแล้วก็ถอนใจ – คิดทบทวนถ้อยความในหนังสือซ้ำไปซ้ำมา

เมื่อมองฟ้าคิดถึง บุตรธิดาแห่งดวงดาว เมื่อมองต่ำมา-สู่เบื้องล่างคิดถึง ตาคลี น้ำตาไม่มีเสียงร้องไห้ เมื่อเดินผละจากระเบียงและฟ้าพราวแสงสลัวราตรี ในหัวนอนของข้าฯบรรจุการงานที่ต้องทำให้ผ่านพ้นในวันรุ่ง กลับทำให้นึกถึงนิยายเรื่อง นอน และเมื่อดับไฟเพื่อหลับนอนกลับได้แต่เฝ้ามองความมืดมิดและนึกถึงเรื่องราวในคืนพายุฝนของ แพะกับหมาป่า

เสียงเพลง STILLE NAACHT HEILIG NACHT ดังแผ่วเบาในความคำนึง ข้าพเจ้าอยากหลับตาและตื่นขึ้นมาพบกับสันติ ทว่านักปรัชญาในสวนแห่งความไม่แน่นอนกลับพร่ำบ่นเสมอว่า

“โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน”

นั่นจึงเป็นสิ่งจำเป็นเสมอเพื่อสำหรับการทบทวนก่อนกล่าวคำว่า

ราตรีสวัสดิ์…

(…)

ประมวลผลจากการอ่านหนังสือ


(๑) บุตรธิดาแห่งดวงดาว : เสกสรรค์ ประเสริฐกุล

(๒) ตาคลี น้ำตาไม่มีเสียงร้องไห้ : รงค์ วงษ์สวรรค์


(๓) นอน : ศักดิ์ชัย ลัคนาวิเชียร

(๔) เมืองเล็กที่เปลี่ยนโลก : เรื่องราวของนักเดิน(สวน)ทาง

ภาพประกอบจาก


(๑) STROMY NIGHT : ผลงานกำกับของ จิซามุโร ซูจิอิ

(๒) Welcome to dongmakgol : Directed by Park Kwang-hyun

คำคมส่งท้าย – คล้ายว่าลืมเลือนกันไปนาน



มันเป็นความผิดที่หาจำเลยไม่เคยพบ หรือในทำนองกลับกัน มันมีจำเลยมากมาย ทั้งโดยตรงและโดยทางอ้อม มันเป็นภาระที่สังคมต้องแบกไว้ด้วยความหวาดวิตก และถ้าใครจะตะโกนออกมาด้วยความกลุ้มใจว่า ไอ้ยาเสพติดห่-าเหวพวกนั้นมันบั่นทอนอนาคตของประชากรของประเทศ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น