โสกราตีส (4 มิถุนายน 470 ปีก่อนคริสตกาล - 7 พฤษภาคม 399 ปีก่อนคริสตกาล)
(อักษรกรีกΣωκράτης; อักษรละติน: Socrates)
เป็นนักปราชญ์กรีกและเป็นชาวเมืองเอเธนส์
ซึ่งถือกันว่าเป็นผู้วางรากฐานของปรัชญาตะวันตก
(Socrates ( กรีก : Σωκράτης, กรีกโบราณออกเสียง : [sɔkratɛːː s] , Sōkrátēs; c. 469 BC - 399 BC, ออกเสียง / sɒkrətiː z / ในภาษาอังกฤษ) )
โสกราตีส - Socrates
โสกราตีสเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้มีผลงานการเขียนอะไรคงเหลืออยู่ถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตามตัวตนและความคิดของเขายังคงอยู่ถึงปัจจุบันผ่านงานเขียนของบุคคลอย่าง อริสโตเติล (Aristotle) เพลโต (Plato)อริสโตฟานเนส (Aristophanes) หรือ ซีโนฟอน(Xenophon)
นอกจากนั้นยังมีทั้งนักเขียน นักคิด และนักปราชญ์ที่เก็บเรื่องราวของโสกราตีส อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถรู้ว่าข้อมูลเรื่องเล่าถึงชีวิตของโสกราตีสนั้นจริงหรือเท็จได้อย่างแน่นอน
โสกราตีส มีบิดาชื่อ โสโฟรนิกัส (Sophronicus) และ มารดาชื่อ แฟนาเรต (Phaenarete)
โสกราตีสได้แต่งงานกับซานทิปป์ (Xanthippe) และมีลูกชายถึง 3 คน เมื่อเทียบกับสังคมสมัยนั้นซานทิปป์ถึงได้ว่าเป็นผู้หญิงอารมณ์ร้าย และโสกราตีสเองได้กล่าวว่าเพราะเขาสามารถใช้ชีวิตกับซานทิปป์ได้ เขาใช้ชีวิตกับมนุษย์คนใดก็ได้ เหมือนกับผู้ฝึกม้าที่สามารถทนกับม้าป่าได้ โสกราตีสได้เห็นและร่วมรบในสมรภูมิ และ ตามสิ่งที่พลาโตได้กล่าวว่า โสกราตีสได้รับเหรียญเกียรติยศสำหรับความกล้าหาญในสมรภูมิ
ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ไม่กล่าวอย่างชัดเจนว่าโสกราตีสประกอบอาชีพใด ใน"ซิมโพเซียม" (Symposium) ซีโนฟอนกล่าวว่าโสกราตีสใช้ชีวิตกับการสนทนาปรัชญา
โสกราตีสไม่น่าที่จะมีเงินมรดกจากครอบครัวเพราะบิดาของโสกราตีสเป็นเพียงศิลปิน และตามการบรรยายของพลาโต โสกราตีสไม่ได้รับเงินจากลูกศิษย์
อย่างไรก็ตามซีโนฟอนกล่าวใน"ซิมโพเซียม"ว่า โสกราตีสรับเงินจากลูกศิษย์ของเขา และอาริสโตฟานเนสก็เล่าว่าโสกราตีสได้เปิดโรงเรียนของตนเอง
ข้อสันนิษฐานอีกอย่างหนึ่งที่เป็นไปได้ก็คือ โสกราตีสเลี้ยงชีพผ่านเพื่อนที่ร่ำรวยของเขา เช่นเอลซีไบเดส (Alcibiades)
การไต่สวนและเสียชีวิต
โสกราตีสใช้ชีวิตอยู่ในช่วงเวลาของการเปลียนแปลงในอาณาจักรเอเธนส์ จากจุดสูงสุดของอาณาจักรเอเธนส์ถึงยุคเสื่อมภายหลังการพ่ายแพ้ให้กับกรุงสปาร์ตา (Sparta)
มีบุคคลสามคนสำคัญที่ยุให้ศาลสาธารณะของกรุงเอเธนส์ไต่สวน
โสกราตีส โดนข้อกล่าวหาว่า โสกราตีสเป็นผู้ที่สร้างความเสื่อมศรัทธาในศาสนา และเยาวชนในกรุงเอเธนส์ เรื่องราวทั้งหมดนี้สามารถอธิบายได้ เมื่อนึกถึงสถานการณ์ในเมืองเอเธนส์ภายหลังการพ่ายแพ้ให้กับสปาร์ตานั้น ชาวเมืองเอเธนส์ ผู้ยังเชื่อถือในเทพเจ้าผู้ปกป้องเมืองต่างๆ มองว่าการพ่ายแพ้ของเอเธนส์เป็นเพราะเทพเจ้าเอเธนา (Athena) ผู้เป็นเทพปกครองเมืองเอเธนส์นั้นประสงค์จะลงโทษเมืองเอเธนส์เพราะผู้คนในเมืองเสื่อมศรัทธาในศาสนา
การที่โสกราตีสตั้งคำถามและสนทนาเกี่ยวกับปรัชญาจึงเท่ากับเป็นการทรยศชาติ การไต่สวนตัดสินว่าโสกราตีสมีความผิด เขาถูกประหาร โดยการดื่มยาพิษ
คณะผู้ปกครอง Oracle ที่ Delphiได้กล่าวหาเขาว่า เขาผิดปกติจากบุคคลธรรมดา
โสกราติส เชื่อว่าสิ่งที่ Oracle ได้กล่าวว่าว่าโสกราติสเป็นบุคคลที่ผิดธรรมดา
เพราะว่าโสกราติส เชื่อว่าตัวเขาไม่บ้าและทดสอบข้อกล่าวหา จากชาย ที่ถือว่าผู้ชายถือว่าฉลาดที่สุดในเอเธนส์ ซึ่งได้แก่ statesmen, กวี, และช่างฝีมือในเพื่อที่จะลบล้างคำวินิจฉัยของ ออราเคิล ได้อย่างดีที่สุด
“Socrates สรุปได้ว่าในขณะที่แต่ละคนคิดว่าเขารู้มากและได้ฉลาดในความเป็นจริงพวกเขารู้เรื่องน้อยมากและไม่ฉลาดเลย”
Socrates ได้สร้างความตระหนักว่า สิ่งที่ Oracle ที่คิดว่าตัวเองถูกต้องและคนฉลาด ความจริงแล้ว ออราเคิล ไม่ฉลาดเลย ความไม่รู้ของตัวเอง และมีภูมิปัญญาขัดแย้ง
เมื่อ Socrates ถูก พิพากษาต่อมาไปสู่ความตายโดยการดื่มเครื่องดื่มผสม ที่มี พิษพืชที่มีพิษชนิดหนึ่ง
เขามีโอกาสหนีออกไปได้ โดยXenophon, Plato ตั้งใจให้การป้องกันต่อต้านการตัดสินครั้งนี้โดยการติดสินบนยาม
แต่ Socrates ยอมรับว่ามีโอกาสที่จะหลบหนี แต่เขายินดีที่จะตาย เพราะ
1 Socrates เชื่อไม่มีนักปรัชญาที่แท้จริงได้ความกลัวของการเสียชีวิต
2 ถ้า Socrates หนีไปเอเธนส์แล้ว การเรียนการสอนของเขาจะไม่ดีขึ้น การเผยแพร่คำสอนของเขาจะไม่เป็นที่ยอมรับ
3 Socrates มีเจตนาตกลงที่จะอยู่ภายใต้กฎหมายของเมืองนี้ Socrates ก็ต้องบังคับโดยปริยายด้วยตัวเองและความเป็นไปได้ที่จะถูกกล่าวหาว่าการก่ออาชญากรรม และการตัดสินโดยคณะลูกขุนของเมืองว่า Socrates ผู้กระทำผิด เพราะถ้า Socratesหนีไปแล้วอาจทำลาย " สัญญาประชาคม " กับรัฐและอื่น ๆ เป็นอันตรายต่อรัฐ, การกระทำที่ขัดกับหลักการ ของ Socratic
วิธี Socratic หรือ elenchus
ยังคงเป็นเครื่องมือที่ใช้กันทั่วไปในวงกว้างของการอภิปรายและเป็นประเภทของ การเรียนการสอน ซึ่งชุดคำถามที่ไม่เพียงแต่จะต้องคิดหาคำตอบของแต่ละคน แต่ยังเพื่อส่งเสริมให้มีความเข้าใจพื้นฐาน
ซึ่งวิธีคิดของโสกราตีส ผ่านเพลโต นั้นเป็นส่วนสำคัญในด้านของการ
ญาณวิทยาและ ตรรกะ
และแนวคิดที่มีอิทธิพลและความคิดของเขายังคงแข็งแกร่งในการให้บริการพื้นฐานของปรัชญาตะวันตกมากที่สุด
บททดสอบกลั่นกรองสามชั้นของโซเครติส The triple filter of Socrates
วันหนึ่งมีคนรู้จักบังเอิญพบกับนักปรัชญาผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้และพูดขึ้นว่า..
"คุณรู้อะไรไม๊? ผมได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนของคุณมาเรื่องหนึ่ง"
"ช้าก่อน..." โสเครติสตอบ
"ก่อนที่ท่านจะบอกข้า ข้าอยากที่จะให้ท่านผ่านการทดสอบสักเล็กน้อย ข้าจะเรียกมันว่าบททดสอบกลั่นกรองสามชั้น"
"กลั่นกรองสามชั้น?"
"ถูกต้องแล้ว" โสเครติสกล่าวต่อไป
"ก่อนที่ท่านจะเล่าให้ข้าฟังเกี่ยวกับเรื่องของเพื่อนของข้า มันอาจจะเป็นการดี ที่จะใช้เวลาสักเล็กน้อยและการกลั่นกรองเรื่องที่ท่านจะพูด และนั่นคือสาเหตุว่าทำไม ข้าจึงเรียกมันว่า บททดสอบตัวกลั่นกรองสามชั้น ตัวกลั่นกรองแรก คือ "ความจริง" ท่านแน่ใจจริงๆ หรือว่าสิ่งที่ท่านกำลังจะบอกข้านั้นเป็นเรื่องจริง?"
"เปล่าหรอก..." ชายผู้นั้นตอบ
"อันที่จริง ข้าก็แค่ได้ยินเรื่องนี้มาเท่านั้นเอง แล้วก็..."
"เอาเถอะ เอาเถอะ ไม่เป็นไร" โสเครติสกล่าว
"ถ้าเช่นนั้น ท่านก็ไม่รู้ว่าเรื่องที่ท่านรู้มาจริง หรือ เท็จ คราวนี้มาลองทดสอบตัวกลั่นกรองตัวที่สองกันดู ตัวกลั่นกรองที่สอง คือ "ความดี"
เรื่องที่ท่านกำลังจะบอกข้าเกี่ยวกับเพื่อนของท่านเป็นเรื่องดี หรือไม่?"
"ไม่เป็นเรื่องตรงกันข้าม..."
"ถ้าเช่นนั้น" โสเครติส กล่าวต่อ "ท่านต้องการบอกข้าเกี่ยวกับเรื่องไม่ดีของเขา แต่ท่านไม่แน่ใจว่า มันเป็น เรื่องจริงหรือไม่... ไม่เป็นไรยังไงเสีย ท่านอาจจะผ่านการทดสอบนี้ก็ได้ เพราะยังเหลือตัวกลั่นกรองอีกหนึ่ง : ตัวกลั่นกรองสุดท้ายนี้คือ
"ความมีประโยชน์" ท่านคิดว่าเรื่องที่ท่าน กำลังจะบอกข้าเกี่ยวกับเพื่อนของข้านั้น จะเป็นประโยชน์อะไรกับข้าหรือไม่?"
"ไม่รู้สิท่าน...คงจะไม่"
"อื่มมม" โสเครติสสรุป "ถ้าเรื่องที่ท่านจะบอกข้านั้น ไม่ใช่เรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องดี และ ไม่มีประโยชน์ เหตุใดท่านจึงอยากบอกข้าเล่า?"
และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้โสเครติสเป็นมหาปราชญ์ และ ได้รับการยกย่องเป็นอย่างสูง...
สรุปว่าตัวกลั่นกรอง 3 ชั้น ที่ควรรับฟัง ก็คือ
1 ความจริง
2 ความดี
3 มีประโยชน์
ถ้าขาดทั้ง 3 สิ่งนี้ไป คนที่รับฟัง ก็ไม่ควรจะรับฟัง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น