21:49

สหายแห่งหังโจ


สหายแห่งหังโจ


พวกมันไม่ได้เกิดวันเดียวปีเดียวกัน...แต่ยอมรับนับถือมั่นเป็นสหาย
หากผู้หนึ่งมีภัย...อีกคนจะไม่ลังเลใจกระโดดเข้าร่วมป้องภัยในทันที
มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน...คำคำนี้สามารถใช้กับพวกมันได้อย่างเต็มภาคภูมิ
หนึ่งตัวเล็กไหวพริบปฎิภาณเฉียบแหลม...หนึ่งตัวใหญ่เข้มแข็งดุจม้าป่าอาชาไนย
เนิ่นนานวัน...ใจยิ่งประสานใจกลับรักใคร่ดั่งพี่น้องคลานตามกันมา

พวกมันร่วมสาบานจะไม่ทอดทิ้งกันตลอดกาล
ในโลกนี้จะมีเพื่อนกี่คนกันเชียว...ที่เราสามารถฝากเป็นฝากตายกับมันได้
บ้านเมืองไม่สงบมีการรบทำศึกสงคราม...ทั้งคู่ขันอาสาออกไปสู้ที่แนวหน้า
ยอมพลีกายถวายชีพเพื่อชาติ...ไม่คิดหลงเหลือชีวิตกลับสู่บ้าน
พวกมันมอบคำสัตย์ปฎิญาณด้วยใจ...มิใช่แค่วาจา
ศึกเหนือจรดใต้ทุ่มเทใจกายมิเคยได้ประหวั่นพรั่นพรึง
ตกอยู่ในวงล้อมของศรัตรู...มิต้องเหลียวหลังกลับไปดูสหายยังคงยืนอยู่เคียงข้าง
ร่องรอยแผลเป็นเต็มตามเนื้อตัวหน้าตา...มิได้ลดทอนความกล้าอาจหาญ
คนตัวใหญ่สูญเสียดวงตาข้างขวา...ตัวเล็กถูกดาบคร่าสองมือเหลือมาแค่แปดนิ้ว

 

สวรรค์มีตาฟ้ายังมีใจ...ทั้งคู่ได้รับการแต่งตั้ง
เป็นแม่ทัพใหญ่ปราบหนตะวันออก
ร่วมเรียงเคียงไหล่...
ปราบอริราชศรัตรูปราชัยทั่วสิบทิศ
ชื่อเสียงขจรกระจาย...
แม่ทัพคู่ผู้เกรียงไกรหนึ่งใหญ่หนึ่งเล็ก
รวบรวมบ้านเมืองเป็นปึกแผ่นมั่นคง...
ดำรงความสงบคืนมาอีกครา
บำเหน็จความกล้า...
ตัวใหญ่ได้เป็นเสนากลาโหมควบคุมทุกเหล่าทัพ
ส่วนตัวเล็กเป็นเสนาบดียุติธรรม
ดูแลอำนาจตุลาการ

บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข...ในปีที่ห้าที่ประชุม
เสนามีความคิดปฎิรูปการปกครอง
จัดให้มีการเลือกตั้งประจำเขต
เข้าไปนั่งเป็นสภาเมือง
ทำหน้าที่ออกกฎหมายกลั่นกรอง
เรื่องสำคัญในการบริหารประเทศ
แต่ความคิดเห็นได้แตกแยกเป็นสองฝ่าย
...ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ฝ่ายกองทัพกริ่งเกรงความล่าช้า
..กว่าประชุมสภาเพื่ออนุมัติ
ศัตรูคงล่วงล้ำแนวเขตความมั่นคง
ของประเทศอาจคลอนแคลน

แรกๆต่างโต้เถียงด้วยเหตุผล...
ต่อมาเริ่มปะปนเรื่องศักดิ์ศรี


บรรยากาศทวีความรุนแรงคุกรุ่น...ข้ามหลักการของเหตุผลจนกลายเป็นอัตตา
กิเลสตัวตนผู้เป็นราชันแห่งความชั่วช้า...เห็นช่องสบโอกาส
ขยายความร้าวรานบานปลาย...
บ้านเมืองระส่ำระสายไร้ความสามัคคีหวนนึกถึงเบี้องแรก...
ล้วนมีจุดมุ่งหมายเพื่อปฎิรูปบ้านเมืองโดยแท้
เจ้าอัตตาจุดไม้ขีดก้านเดียวขึ้นในใจ...ตอนนี้ไฟกำลังลามเผาเมือง
ไม้ขีดไฟอัตตา...ไม้ขีดไฟก้านเล็กที่มองไม่เห็น

บ้านเมืองแตกแยกวุ่นวายมากขึ้นทุกขณะ
เสนาบดียุติธรรมซึ่งวางตัวเป็นกลางในเรื่องนี้...กังวลใจเป็นอย่างยิ่ง
ครุ่นคิดหาทางออกด้วยสันติวิธี...แต่มันกลับขบคิดไม่ออก
หลายวันผ่านไปมันได้ส่งเทียบเชิญเสนากลาโหมสหายมาร่ำสุราที่บ้าน
แม่ทัพนายกองต่างทักท้วง...สถานการณ์ล่อแหลมไม่สมควรไปเพียงลำพัง
เพ้ย...มันกับข้าร่วมเป็นร่วมตายกันมานับครั้งไม่ถ้วน
หากไว้ใจสหายผู้นี้ไม่ได้...ในโลกหามีผู้ใดคู่ควรแก่การไว้ใจได้อีกแล้ว
บรรยากาศในวงสุราครื้นเครงยิ่งนัก...ความหลังครั้งเก่าได้ถูกรำลึกนึกถึงอีกครา
ไม่เมาไม่เลิกรา...ร่ำสุรากับสหายที่รู้ใจนับว่ากล่าวได้ไม่คลาดคลื่อนความจริง
ตื่นเช้าขึ้นมา...สุราทำให้เสนากลาโหมปวดศรีษะแล้วจริงๆ
แต่ใจของมันกลับปวดร้าวรุนแรงยิ่งกว่า...เมื่อพานพบว่าตัวเองอยู่ในคุก
ลำคอตีบตัน...น้ำตาพลันหลั่งไหลเมื่อนึกถึงใบหน้าสหายร่วมสาบาน


สหายที่มันรักยิ่งกว่าชีวิตของมันเอง...
กลับทำกับมันได้ถึงเพียงนี้
สหายต้องการชีวิตของเราแค่กล่าวออกมาคำเดียว
...เพียงคำเดียวเท่านั้น
ความรู้สึกตอนนี้ปวดร้าวรันทดหรือคลั่งแค้น
นับว่าไม่สามารถแยกแยะออกได้จริงๆ
ชั่วชีวิตของมันปราดเปรียวดังม้าพยศ...
แต่ตอนนี้กลับหมดอาลัยตายอยาก
แขนขาไร้เรี่ยวแรงได้แต่นอนส่ายศรีษะไม่เข้าใจ
...น้ำตาหลั่งไหลไม่ยอมหยุด
มันไม่ได้กลัว เนื่องเพราะมันไม่เคยกลัว
......เพียงมันไม่เข้าใจ !!!
โทษทัณฑ์เป็นกบฏต่อแผ่นดิน...
มีอาญาต้องประหารในวันพรุ่ง
เที่ยงคืนแล้วมิอาจข่มตาหลับใหล...
พลันมีทหารกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา



จับมันมัดมือผูกตาแล้วนำพาไปยังสถานที่หนึ่ง
เมื่อถึงที่หมายก็ปลดเปลื้องพันธนาการ...แสดงความเคารพอย่างสูงแล้วจากไป
มันพินิจสถานที่นี้รู้สึกคุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง...กลับเป็นหน้าผาแห่งหนึ่ง
ที่แท้เป็นสถานที่เดียวกันที่มันกรีดเลือดร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับตัวเล็ก
ในความมืดกลับมีเงาคนผู้หนึ่งนั่งคุกเข่าอยู่ก่อนแล้ว...เสนาบดียุติธรรม
มันประคองดาบขึ้นเหนือศรีษะ...สองมือน้อมส่งมายังเสนากลาโหม
เราผิดต่อท่านแล้ว...ชีวิตท่านขอชดใช้ด้วยชีวิตเรา
ตัวใหญ่กระชากดาบเงื้อง่า...ร่างกายสั่นสะท้านขึ้นอีกคราไม่อาจควบคุม
มันขว้างดาบลงหน้าผา...น้ำตาหลั่งไหลเป็นสายเลือด
เบือนหน้าไปทางอื่นขบกรามพูดว่า...เราฆ่าท่านไม่ได้หรอกน้องรัก
เพราะท่านเป็นสหายเรา...เมื่อเป็นสหายแล้ว...ย่อมเป็นชั่วชีวิต
สหายไหนเลยฆ่าสหายได้...น้ำเสียงมันรันทดหดหู่บาดลึกลงไปในจิตใจ
ตัวเล็กถึงกับกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง
น้ำตาชายชาตรีทะลักปานทำนบแตก...หยาดหยดลงมาไม่ขาดสายเช่นกัน
ทันใดนั้นตัวเล็กใช้มีดพกประจำตัว...มันกลับใช้เชือดคอตนเอง
เสนากลาโหมถลันปราดเข้าประคองเพื่อนรัก...ท่านทำเช่นนี้เพื่ออะไร
ตัวเล็กใช้นิ้วชี้เปื้อนเลือดขีดเขียนข้อความหนึ่งลงบนแขนเสื้อก่อนสิ้นใจ
เพื่อแผ่นดิน !!!

อาญาแผ่นดินเมื่อตัดสินแล้วไม่อาจเปลื่ยนแปลง
เสนากลาโหมเดินเข้าสู่หลักประหารอย่างองอาจสง่าผ่าเผย
มุมปากกลับปรากฏรอยยิ้มเยือกเย็นสงบ...มือขวากำเศษผ้าแขนเสื้อไว้แนบแน่น
การดำรงคงอยู่อย่างยิ่งใหญ่นับว่ายากลำบากมากแล้ว
การตายให้ยิ่งใหญ่...นับว่ายากลำบากมากกว่าหลายเท่านัก
เรื่องราวเหล่านี้แพร่สะพัดไปทั่วหังโจอย่างรวดเร็ว
การตายของสองวีรบุรุษยิ่งใหญ่...นับว่าได้เรียกสติสามัคคีของผู้คนทั่วแผ่นดิน
ทิฎฐิมานะอัตตาความแตกแยก...ถูกล้างด้วยเลือดของสหายคู่หนึ่ง
สหายผู้รับใช้แผ่นดิน...ตราบลมหายใจสุดท้าย
ความสงบสุข สันติ มั่งคงของบ้านเมือง...บางทีกว่าจะได้มา
ต้องให้เลือดหลั่งนองไหลทาปฐพี...ผู้คนจึงจะมีสติทบทวน
ทำใมต้องเป็นเช่นนี้หนอ...............
ฤามันเป็นเช่นนั้นเอง !!!
หากท่านผ่านไปทางเมืองหังโจ...ท่านจะมองเห็นอนุสาวรีย์สองสหายเล็กใหญ่
ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าประตูเมือง...คอยปกปักรักษาหังโจตราบชั่วกาลนาน

ปุถุชน

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น